Share on
×

Share

ส่องเทคโนโลยีนวัตกรรม จากงาน Mobile World Congress 2023

ส่องเทคโนโลยีนวัตกรรม จากงาน Mobile World Congress 2023

จบลงอย่างยิ่งใหญ่สำหรับงาน Mobile World Congress 2023 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรม อุปกรณ์ และแกดเจ็ต ด้านสมาร์ทโฟน การสื่อสาร และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่จัดเป็นประจำทุกปีที่นครบาร์เซโลนาของสเปน ท่ามกลางผู้เข้าร่วมจัดแสดงและเข้าชมกว่า 80,000 หมื่นคน จากมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคมที่ผ่านมา 

แม้อีเวนต์จะจบลงไปแล้ว แต่สารพัดเทคโนโลยีที่บรรดาบริษัทผู้ผลิต ตลอดจนผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องน้อยใหญ่ที่นำมาอวดโฉมประชันกันภายในงาน ทำให้บุคคลทั่วไปอย่างเรา ๆ ได้ตระหนักว่า ขณะนี้ โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องไปได้ไกลเพียงใด และมองเห็นความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของอุปกรณ์สื่อสารนี้ 

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่โต้ตอบกับคนได้ไหลรื่นมากขึ้น หุ่นยนต์โรโบติกส์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์มากขึ้น สมาร์ทโฟนที่ฉลาดมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเมตาเวิร์สที่หลายฝ่ายยังกังขาก็ปรากฎเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น และจับต้องได้มากขึ้น 

สื่อหลายสำนักรายงานว่า เครื่องจำลองการบินแท็กซี่อากาศเสมือนจริงของ SK Telecom บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในการสาธิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีแถวรอคิวยาวเหยีบด ขณะที่ สุนัขหุ่นยนต์เพื่อตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน กับโฮโลแกรมระยะไกลสำหรับการเรียนรู้เสมือนจริง ควบคู่กับการขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ของเหล่าผู้บริหารอุตสาหกรรมไร้สาย ทำให้งาน Mobile World Congress 2023 (MWC) คึกคักไม่น้อย หลังจากที่ต้องระงับการจัดไปตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด -19

งานนี้ The Story Thailand จึงได้ประมวลรวบรวมสุดยอดแนวคิด (concept) เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจจากบรรดานักวิจารณ์ สื่อมวลชน ตลอดจนผู้เข้าร่วมชมงาน MWC 2023 นี้ 

SCROLL AND FOLD (เลื่อนและพับ)

คำ 2 คำนี้ ไม่ใช้รหัสลับแต่อย่างใด แต่เป็นคำที่บรรดาสื่อสายเทคโนโลยี รวมถึงสำนักข่าวเอพี ให้นิยามสรุปภาพรวมหน้าตาของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากสารพัดค่ายผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ที่พาเหรดกันมาเปิดตัวให้ตื่นเต้นกัน 

รายงานระบุว่า แม้การเปิดตัวสมาร์ทโฟนในงาน MWC จะไม่ได้รับความสนใจมากเหมือนเช่นเคย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา การพัฒนานวัตกรรมของค่ายต่าง ๆ ค่อนข้างแผ่วลงไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดนี้ก็ยังได้รับความสนใจพอสมควร 

เริ่มต้นจากค่าย โมโตโรลา ที่ใส่ลูกเล่นสุดว้าว ในสมาร์ทโฟน ด้วยหน้าจอที่สามารถยืด-หดได้ เพียงแตะนิ้วสองครั้งที่ด้านข้าง จากหนั้นจอแสดงผลจะขยายจาก 5 นิ้วเป็น 6.5 นิ้วโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องเลื่อนหน้าจอขึ้น-ลงอีกต่อไป 

ด้านแบรนด์ Lenovo บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน และเป็นเจ้าของ Motorola เช่นกัน ได้โชว์แล็ปท็อปที่มีแนวคิดหน้าจอยืด-หดได้ โดยจะใช้เวลาประมาณ 19 วินาทีในการยกเลิกการเลื่อนไปยังตำแหน่งที่ขยายจนสุด อย่างไรก็ตาม ทางแบรนด์ยอมรับว่า แล็ปท็อปดังกล่าวยังเป็นอุปกรณ์ต้นแบบ และยังไม่น่าจะออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้

ขณะที่ แบรดน์สมาร์ทโฟนชั้นนำรายอื่น ๆ อย่าง Samsung, Oppo หรือ Tecno ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบบหน้าจอพับได้แทน 

ทั้งนี้ สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานพอสมควร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า ความสนใจที่ได้รับอาจไม่ได้หมายถึงยอดขายที่ดีเสมอไป โดย Gerrit Schneemann นักวิเคราะห์อาวุโสของ GfK Boutique กล่าวว่า ในมุมมองของตนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้น่าจะยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตเฉพาะกลุ่มสำหรับตลาดสมาร์ทโฟน คือโตได้แต่ไม่ใช่ขนาดมหาศาลที่ต้องประทับใจ 

AI CHAT GLASSES แว่นตาแชทบอตปัญญาประดิษฐ์ 

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การปรากฎตัวของแชตบอทปัญญาประดิษฐ์ อย่าง ChatGPT ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกเทคโนโลยีถึงศักยภาพในการเรียนรู้ดังกล่าว งานนี้ หลายบริษัทต่างนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาต่อยอดพัฒนา ซึ่งอุปกรณ์ที่ได้เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยก็คือ แว่นตาเออาร์ หรือ augmented reality glasses จาก XRAI Glass สตาร์ตอัพสัญชาติอังกฤษ 

ทั้งนี้ แต่เดิมแอปผู้ช่วยเสมือนของบริษัทแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับแว่นตาอัจฉริยะเพื่อช่วยให้ผู้ที่หูหนวกหรือมีปัญหาในการได้ยินเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ดีขึ้น โดยบทพูดต่าง ๆ จากคนที่ยืนอยู่โดยรอบจะถูกถอดเสียงออกมาเป็นคำบรรยายแล้วปรากฎเลนส์ของแว่นตา หรือสมาร์ทโฟนที่มีการเชื่อมต่อกันอยู่ 

อย่างไรก็ตาม ทาง XRAI (อ่านว่า เอ็กซ์เรย์) ได้บูรณาการผสานเทคโนโลยี ChatGPT ของ OpenAI เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแอป รวมถึงมีการตั้งค่าเข้าไปในแว่นตาอัจฉริยะ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถามคำถามเช่นความรู้ทั่วไปหรือสูตรอาหารหรืออะไรก็ได้ที่ตนเองชอบ 

ยิ่งไปกว่านั้น Dan Scarfe ซีอีโอของ XRAI กล่าวว่า ผู้ใช้งานยังสามารถถามถึงบทสนทนาที่ผ่าน เช่น การออกสำงให้ระบบช่วยสรุปบทสนทนาที่เพิ่งผ่านไป หรือ สอบถามระบบด้วยคำถามที่เจาะจงมากขึ้น อย่าง ชื่อเมืองที่เพิ่งพูดถึงไปมีชื่อเมืองว่าอะไร เป็นต้น 

แถลงการณ์ของ XRAI ระบุว่า สำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยิน การให้ผู้ช่วย AI สรุปบทสนทนาที่คนหลายคนกำลังพูดจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าอุปกรณ์ดังกล่าวน่าจะตอบโจทย์สังคมสูงของตลาดในหลายประเทศ 

DIGITAL HUMANS มนุษย์ดิจิทัล 

นวัตกรรมแชทบอตปัญญาประดิษฐ์มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ช่องว่าการสื่อสารระหว่างคนกับเครื่องจักรแคบลง กระนั้น D-ID สตาร์ตอัพสัญชาติอิสราเอล เชื่อว่า การสื่อสารจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น หากแชทบอตปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวปรากฎตัวให้เห็นด้วยใบหน้ามนุษย์ 

รายงานระบุว่า D-ID ได้เปิดตัว “Human Digital” หรือ มนุษย์ดิจิทัล  ซึ่งเป็นอวตารออนไลน์ที่สามารถทำงานร่วมกับระบบแชท AI เพื่อจัดการสนทนาให้มีความลื่นไหล เสมือนคุยกับคนจริง ๆ ได้ 

Gil Perry ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ D-ID กล่าวว่า แชทบอตแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เพราะปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวสามารถตอบเฉพาะคำถามที่มีคำตอบเฉพาะเท่านั้น แต่เทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่กำลังนำการปรับปรุงครั้งใหญ่มาสู่แชทบอทแบบดั้งเดิม ทำให้การพูดคุยระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ มีปฎิสัมพันธ์ที่ใกล้เคียงกับการพูดคุยระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองมากขึ้น 

ทั้งนี้ Perry อธิบายว่า ระบบ Generative AI อย่าง ChatGPT สามารถสร้างข้อความที่อ่านได้ และสร้างบทสนทนาตามสิ่งที่เรียนรู้จากสิ่งที่เรียกว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของหนังสือดิจิทัล งานเขียนออนไลน์ และสื่ออื่น ๆ

ChatGPT : AI เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น หรือควรระวังตัวมากขึ้น?

Amity เสริมแกร่งบริการแชตบอต เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้เทคโนโลยี ChatGPT เป็นรายแรกของไทย

งานนี้ Perry ได้สาธิตด้วยการถามคำถามกับใบหน้าแชทบอตที่ปรากฎบนหน้าจอแล็ปท็อปของเต้าตัว ซึ่งคำตอบนั้นเหมือนจริงจนน่าขนลุก อย่างไรก็ตาม Perry กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังวางระบบให้ครอบคลุมเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเทคโนโลยีของ D-ID ไปใช้ในทางที่ผิด

ยิ่งไปกว่านั้น Perry ยังย้ำว่า แนวคิดของบริษัทนี้ไม่ใช่เพื่อแทนที่ใครและไม่ได้ต้องการทำให้ใครเชื่อว่าสิ่งที่เห็นด้วยตาเป็นความจริง โดยเป้าหมายหลักของบริษัทคือต้องการให้มนุษย์ได้สื่อสารกับปัญญาประดิษฐ์ด้วยรูปลักษณ์ของใบหน้าคนที่ทำให้เกิดความสนิทสนมคุ้ยเคยและสบายใจที่จะคุยมากขึ้นเท่านั้นเอง 

REMOTE CONTROL CARS รถยนต์ควบคุมระยะไกล

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามก็คือหน้าจอแสดงผลของ Vay สตาร์ตอัพด้านระบบขับเคลื่อนสัญชาติเยอรมนี ซึ่งได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนขับกำลังบังคับรถไปรอบ ๆ สนามที่มีเสาค้ำอยู่ แต่ตัวรถยนต์จริงๆ อยู่ในนครเบอร์ลิน ห่างออกไปจากสถานที่จัดแสดงงานถึง 1,800 กิโลเมตร 

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า เทคโนโลยีของสตาร์ทอัพเมืองเบียร์รายนี้ ทำให้สามารถบังคับรถยนต์จากระยะทางไกลๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวเรียกว่า “tele-drivers”  ซึ่ง Vay ยืนยันว่า ผลการทดสอบหลายครั้งที่ผ่านมาให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานจราจร 

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า สิ่งที่ทำให้ Vay โดดเด่น ก็คือ รูปแบบธุรกิจของ Vay ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างบริการแท็กซี่และรถเช่า เมื่อผู้ใช้เรียกรถ คนขับเทเลจะนำทางรถยนต์ไฟฟ้าคันหนึ่งของตนไปยังจุดรับรถสำหรับลูกค้า จากนั้นลูกค้าก็จะรับหน้าที่ขับรถแทน เมื่อถึงที่หมาย ลูกค้าก็จะลงจากรถไป แล้วรถก็จะถูกขับออกไปโดยรีโมตคอนโทรล ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ

นอกจากนี้ Vay ยังกล่าวว่าตนเองเป็นบริษัทแรกในยุโรปที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์บนถนนสาธารณะโดยไม่มีคนขับอยู่ข้างใน และขณะนี้มีคนขับรถแบบไดรเวอร์เทเลที่ได้รับการรับรองแล้ว 20 ราย และมีแผนจะเปิดบริการดังกล่าวเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาในเร็ววันนี้ 

Thomas von der Ohe ซีอีโอของ Vay กล่าวว่า บริษัทหวังที่จะเปิดให้บริการภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และหนึ่งในเป้าหมายหลักของการพัฒนาระบบดังกล่าวคือการจัดการปัญหาจราจรที่ติดขัด ปัญหาขาดแคลนที่จอดรถ และปัญหารถจอดทิ้งที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งพบเห็นตามเมืองใหญ่ ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก 

AUGMENTED REALITY EXPERIENCES ประสบการณ์อีกระดับของ AR

AUGMENTED REALITY หรือ AR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงเข้าไว้ด้วยกันก็ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นเดียวกัน 

โดยงานนี้ บริษัทซอฟต์แวร์ Amdocs สาธิตเทคโนโลยี AR ที่สามารถใช้สำหรับ “ประสบการณ์ที่สมจริงในอนาคต” โดยแสดงให้เห็นเกมการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ ที่แฟนกีฬาสามารถร่วมสนุก ขณะที่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็สามารถปฎิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น 

Amdocs อธิบายด้วยการยกตัวอย่างว่า แฟนฟุตบอลที่เข้าร่วมชมการแข่งขันด้วยตัวเองที่สนามแข่งขัน สามารถซื้อแพ็คเกจพิเศษสำหรับแว่นตา AR ของตนเองได้ ซึ่งแว่นตาจะแสดงภาพวิดีโอรีเพลย์สุดพิเศษและสถิติสดบนเลนส์ของแต่ละคน เพื่อ “เพิ่มพูน” ประสบการณ์การเชียร์บอลของแฟน ๆ เหล่านี้ 

นอกจากนี้ แว่นตา AR แบบเดียวกันนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเกมด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมรวมถึงฐานข้อมูลความปลอดภัย

ทั้งนี้ ในการจำลองที่งาน MWC เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะได้รับการแจ้งเตือนให้ระวังแฟนบอลนิสัยเกเรที่พยายามปีนประตู ขณะที่ข้อมูลของแฟนบอลหัวรุนแรงที่เป็นที่รู้จักจะถูกตั้งค่าสถานะบนฐานข้อมูล เพื่อให้มีการแสดงใบหน้าและรายละเอียดของแฟนบอลเหล่านี้ขึ้นบนเลนส์ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังสามารถใช้แว่นตาในการสแกนฝูงชนเพื่อจับใบหน้าก่อนที่จะระบุตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อที่จะเข้าไปจับกุมได้ถูกคน 

นักวิเคราะห์มองว่า ความสามารถของอุปกรณ์ AR และ VR บวกกับความสามารถ AI ทำให้เทคโนโลยีของเมตาเวิร์ส ก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งแม้ทุกวันนี้ เมตาเวิร์ส ยังคงคลุมเครือ แต่หลายคนเชื่อว่า เมตาเวิร์สจะเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์มนุษย์ในโลกยุคดิจิทัลอย่างแน่นอน 

Nokia ‘self-fix’ phone

นอกจากนี้ ในงานยังมีนวัตกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายที่คาดว่าจะมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในชีวิตประจำวัน จนต้องยอมรับว่า คงต้องใช้อีกหลายสิบหน้าในการบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ซ่อมได้ด้วยตนเองของ Nokia สมาร์ทวอทช์เฝ้าระวังสุขภาพ หรือระบบป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Huawei และแบตเตอรีที่ใช้เวลาเพียง 9.5 นาทีในการชาร์จให้เต็มแต่ละครั้งของ Realme

ที่มา: apnews, euronews, theverge

สรุปไฮไลท์เทคโนโลยี จาก CES 2023: นวัตกรรมสีเขียว – ขั้นกว่าของเมตาเวิร์ส – ไลฟ์สไตล์อนาคต

นวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่ Net Zero เพื่อชีวิตที่ดีในโลกใบเดิมที่น่าอยู่

การ์ทเนอร์เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในปี 2566

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน