Share on
×

Share

depa ทุ่มงบ ‘AI Transformation’ แจกทุน SME 2 แสน-อุดหนุนเทคฟรี 1.5 หมื่นราย

depa ทุ่มงบ 'AI Transformation' แจกทุน SME 2 แสน-อุดหนุนเทคฟรี 1.5 หมื่นราย

ท่ามกลางสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจที่ดังขึ้น ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง และตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ประกาศเดินหน้าโครงการ “AI Transformation ช่วยชาติ” อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “ปรับเพื่อรอด เปลี่ยนเพื่อเศรษฐกิจไทย” เปิดแพ็กเกจ “Super Incentive” ครั้งประวัติศาสตร์ ผนึกกำลังกรมสรรพากรและบีโอไอ อัดฉีดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยครั้งใหญ่ ผ่านกลไกสนับสนุนทุนสูงสุด 200,000 บาทสำหรับ SME และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลฟรี 15,000 สิทธิ์ หวังเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวว่า โครงการนี้คือผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์ที่วางรากฐานไว้กว่า 8 ปี เพื่อให้เทคโนโลยีและ AI กลายเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวเสริมว่า เป้าหมายหลักคือการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ในสภาวะที่เผชิญความท้าทายรอบด้านอย่างแท้จริง

เบื้องหลังความท้าทาย: เมื่อเศรษฐกิจและสังคมถึงจุดเปลี่ยน

ผศ.ดร.ณัฐพล ได้วิเคราะห์ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีลักษณะเป็นรูปทรงพีระมิดที่สะท้อนความท้าทายในแต่ละระดับอย่างชัดเจน โดยฐานรากของพีระมิดคือภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีประชากรกว่า 8 ล้านครัวเรือน แต่การมีส่วนร่วมต่อ GDP ของประเทศกลับลดน้อยลง ถัดขึ้นมาในส่วนกลางของพีระมิดคือกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่และเปราะบางที่สุด ประกอบด้วยวิสาหกิจในระบบกว่า 3.2 ล้านราย และกลุ่มนอกระบบ (Informal Sector) อีก 4-5 ล้านราย ซึ่งไม่เพียงแต่มีเงินทุนหมุนเวียนน้อย แต่ยังเผชิญความกลัว ทั้งการเข้าสู่ระบบภาษี และความเสี่ยงจากการถูกใช้เป็นบัญชีม้า ในขณะที่ยอดพีระมิดคือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ประมาณ 14,000-15,000 กิจการ ซึ่งกว่า 70% เป็นการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ที่กำลังเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนและเริ่มมองหาฐานการผลิตใหม่

“โจทย์สำคัญในวันนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มรายได้ แต่คือการทำอย่างไรให้ธุรกิจลดต้นทุนและสามารถประคองตัวอยู่รอดได้ในภาวะที่กำลังซื้อฝืดเคือง เทคโนโลยีและ AI คือคำตอบ แต่การจะทำให้เกิดการปรับใช้ในวงกว้างได้นั้น รัฐต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้ลงมือทำเองมาเป็น ‘Marketing Arm’ ที่คอยอำนวยความสะดวกและสร้างกลไกสนับสนุน” ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าว

ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ depa
ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ depa

ในขณะเดียวกัน ดร.ปรีสาร ได้ฉายภาพปัญหาเชิงโครงสร้างที่ใกล้ตัวยิ่งขึ้น นั่นคือการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังแรงงาน “สำหรับผมเอง ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่อายุประมาณ 80 แล้ว ต้องไปโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ ผมก็ต้องแบ่งเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ไปดูแลท่าน” ดร.ปรีสาร ยกตัวอย่างส่วนตัว พร้อมชี้ว่าในอนาคตคนวัยทำงาน 1 คน อาจต้องดูแลผู้สูงอายุถึง 15 คน ทำให้การใช้กำลังคนแบบเดิมเป็นไปได้ยาก เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นคำตอบสำคัญที่จะเข้ามาทดแทนและส่งเสริมศักยภาพบุคลากร

มาตรการอุ้ม 2 ระดับ: จาก SME สู่ผู้ประกอบการรายย่อย

โครงการ “AI Transformation ช่วยชาติ” แบ่งการสนับสนุนออกเป็น 2 ส่วนหลัก เพื่อให้ครอบคลุมผู้ประกอบการทุกขนาด

  1. สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (Informal Sector): ดีป้าจัดสรร ทุนให้เปล่า 15,000 สิทธิ์ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย, ร้านค้าในตลาดสด, ผู้ค้าบนโซเชียลมีเดีย และเกษตรกร ที่อาจยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สามารถทดลองใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้ฟรีเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยแบ่งเป็นเกษตรกร 5,000 สิทธิ์ และผู้ประกอบการกลุ่มอื่น ๆ อีก 10,000 สิทธิ์ เพื่อช่วยให้เข้าถึงเครื่องมือบริหารจัดการ ระบบบัญชี โดยไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้น
  2. สำหรับ SME นิติบุคคล: ดีป้าเตรียม เงินทุนสนับสนุน (Matching Fund) สูงสุด 200,000 บาทต่อราย จำนวน 600 ราย ให้กับบริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วนฯ และสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อนำไปประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบของ AI ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ผลิต AI โดยตรง แต่อาจเป็นซอฟต์แวร์ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน โดยแบ่งโควตาเป็นภาคการผลิต 200 ราย ภาคบริการ 300 ราย และภาคเกษตรแปรรูปอีก 100 ราย พร้อมทั้งปรับเกณฑ์คุณสมบัติให้เข้าถึงง่ายขึ้น โดยกำหนดว่าต้องมีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือ มีพนักงานไม่เกิน 300 คน

สร้างความเชื่อมั่นด้วย “Tech Hunt” และแต้มต่อทางภาษี

ดร.ปรีสาร ยอมรับว่าผู้ประกอบการจำนวนมากไม่มั่นใจในการเลือกใช้เทคโนโลยี และหลายรายเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการลงทุนในระบบ ERP ที่ไม่สำเร็จ เพื่อแก้ปัญหานี้ หัวใจสำคัญคือแพลตฟอร์ม “Tech Hunt” ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลกว่า 346 รายการ จาก 52 ผู้ประกอบการ ที่ผ่านการขึ้น “บัญชีบริการดิจิทัล” และได้รับมาตรฐาน “dSure” เพื่อการันตีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ

ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการนี้ยังทำงานร่วมกับ “Super Incentive” ที่ใหญ่กว่า โดยผู้ประกอบการที่ลงทุนในเทคโนโลยีที่ขึ้นบัญชีฯ ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายไป ลดหย่อนภาษีได้ 200% ตามมาตรการของกรมสรรพากร และ ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 250% สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมทักษะพนักงาน (Upskill/Reskill) ส่วนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ยังสามารถขอรับ สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีจาก BOI ได้อีกด้วย

เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้ประกอบการในวงกว้าง depa จะร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง หอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาเกษตรกร และสมาพันธ์ SME จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปและคลินิกให้คำปรึกษาใน 7 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยกระบวนการสมัครทั้งหมดจะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มของภาครัฐเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันการหลอกลวง

“เราเดินทางคนเดียวไม่ได้ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนคือสิ่งสำคัญ” ดร.ปรีสาร กล่าว ก่อนที่ ผศ.ดร.ณัฐพล จะทิ้งท้ายด้วยความเร่งด่วนว่า “วันนี้เราอยู่ในจุดที่ ‘ถ้าไม่ปรับ เราไม่ทัน เมื่อเราไม่ทัน เราไม่รอด’ การลงทุนในเทคโนโลยีคือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความอยู่รอดและเติบโตในอนาคต”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

วิกฤติทางการเมือง: ‘เนปาล-อินโดฯ’ บทเรียนที่ไม่อาจมองข้าม

แนะคาถา ‘ไม่กลัว-ไม่โลภ-ไม่หลง’ ทางรอดจากกลโกงออนไลน์

×

Share

ผู้เขียน