Share on
×

Share

ความยั่งยืนไม่ใช่ ‘ต้นทุน’ แต่คือ ‘โอกาส’ ครั้งใหญ่ของ SME ไทย

ความยั่งยืนไม่ใช่ ‘ต้นทุน’ แต่คือ ‘โอกาส’ ครั้งใหญ่ของ SME ไทย

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน หลายครั้งที่คำว่า “ความยั่งยืน” (Sustainability) ถูกมองเป็นเพียงต้นทุนราคาแพง ภาระที่ไกลตัว หรือกลยุทธ์สำหรับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น

แต่สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) แล้ว “ขนาดไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ Growth Mindset ต่างหากที่เป็นหัวใจ” นี่คือเรื่องราวของ 3 นักธุรกิจและ 1 นักอนุรักษ์ ที่เปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง เปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลักดัน และเปลี่ยนความยั่งยืนให้กลายเป็นใบเบิกทางสู่การเติบโตที่ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับโลกใบนี้ไปพร้อมกัน

จุดเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน: จากแพสชันสู่แรงผลักดันทางธุรกิจ

เบื้องหลังการเดินทางสู่เส้นทางสายความยั่งยืนของแต่ละธุรกิจนั้น มีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บ้างเกิดจากหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรัก บ้างเกิดจากสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด และบ้างเกิดจากความปรารถนาที่จะแก้ปัญหาสังคม แต่ทุกเรื่องราวล้วนสะท้อนถึงบริบทและความท้าทายที่ SME ต้องเผชิญ

พรพิมล ปักเข็ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่ จำกัด มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้มาจากแผนธุรกิจ แต่มาจาก “ห้องครัวในบ้าน” ด้วยหัวใจของคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกได้ทานของว่างที่ดีที่สุด ปราศจากสิ่งปรุงแต่งและสารเคมี เธอจึงลงมือทำป๊อปคอร์นด้วยตัวเอง เมื่อสิ่งที่ทำจากความรักถูกแบ่งปันออกไปและได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและรสชาติ โอกาสทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ผลักดันให้เธอต้องหันมามองเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง คือวันที่เธอต้องการยกระดับธุรกิจสู่การส่งออกและเจาะตลาดโรงแรมระดับพรีเมียม คำถามที่เรียบง่ายจากคู่ค้าที่ว่า “แล้วแบรนด์ของคุณยั่งยืนอย่างไร?” ได้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้เธอต้องกลับมาทบทวนทุกกระบวนการ และค้นพบว่าสิ่งที่เธอทำจากแพสชันเพื่อสุขภาพของลูกนั้น แท้จริงแล้วคือรากฐานอันแข็งแกร่งของธุรกิจที่ยั่งยืน

ในทางกลับกัน เรื่องราวของ วัฒนา กฤษณาวารินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนำโพลีแพค จำกัด ไม่ได้เริ่มต้นจากแพสชันแต่มาจากแรงกดดันเพื่อความอยู่รอด ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ดำเนินมาหลายสิบปี เขาต้องเผชิญหน้ากับคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อพลาสติกถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งจากกระแสสังคมและนโยบายภาครัฐที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือความท้าทายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแก่นของธุรกิจและอนาคตของบริษัท สำหรับเขาการปรับตัวจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เขาจึงนำกรอบแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green) Model มาใช้เป็นธงนำในการปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนจากผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ธรรมดา สู่ผู้สร้างสรรค์โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพิสูจน์ว่าพลาสติกสามารถเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียนได้

ขณะที่ สุพิชฌาย์ ยามวินิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมม่อน ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด มีจุดเริ่มต้นจากภารกิจแก้ปัญหาสังคม จากประสบการณ์ที่เคยผลิตอาหารสำหรับผู้ป่วย ทำให้เธอตระหนักถึงวิกฤติสุขภาพของคนไทยที่ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กว่า 14 ล้านคน และความเชื่อที่ว่าอาหารสุขภาพไม่อร่อย เธอจึงตั้งปณิธานที่จะทำอาหารสุขภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและมีรสชาติดี แต่เมื่อลงมือทำจริง เธอกลับพบกับปัญหาใหญ่ในห่วงโซ่อุปทาน นั่นคือ ขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่มีสัดส่วนสูงถึง 60% ของขยะทั้งหมด เธอจึงเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการทำงานร่วมกับเกษตรกรโดยตรง เพื่อนำผลผลิตที่อาจไม่สวยงามแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน การเดินทางของเธอจึงเป็นการผสานภารกิจเพื่อผู้คนเข้ากับการดูแลโลกอย่างลงตัว

ลงลึกสู่การปฏิบัติ: เมื่อทุกกระบวนการคือโอกาสสร้างความยั่งยืน

เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน การลงมือทำคือบทพิสูจน์ที่แท้จริง ที่ซึ่งแนวคิดถูกเปลี่ยนให้เป็นการกระทำที่จับต้องได้

เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่ ของพรพิมล ได้เปลี่ยนแนวคิดเรื่องสุขภาพและความยั่งยืนให้กลายเป็นหัวใจของกระบวนการผลิต เธอเลือกใช้เทคโนโลยี Air-Popped หรือการอบด้วยลมร้อนแทนการทอด ซึ่งแตกต่างจากการทำป๊อปคอร์นทั่วไปที่ต้องใช้น้ำมันในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 กับเมล็ดข้าวโพด การตัดน้ำมันออกไปไม่เพียงทำให้ผลิตภัณฑ์ดีต่อสุขภาพ แต่ยัง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมหาศาล และที่สำคัญกว่านั้น เศษป๊อปคอร์นที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งปกติจะต้องทิ้งเพราะอมน้ำมัน กลับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ทำให้เกิดกระบวนการผลิตแบบ Zero Waste นอกจากนี้ เธอยังลงลึกถึงการเลือกคู่ค้าที่มีเป้าหมายเดียวกัน เช่น การใช้น้ำมันรักษ์โลกจากโครงการหลวงที่ส่งเสริมให้ชาวเขามีรายได้จากการปลูกป่าแทนการทำลายป่า ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ไทยนำโพลีแพค ของวัฒนา ได้เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นสนามแห่งนวัตกรรม เขาเริ่มต้นจากการสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง GC และ SCGC เพื่อพัฒนาวัตถุดิบไบโอพลาสติกในประเทศ ก่อนจะลงมือสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biocompostable) ผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ตั้งแต่การใช้ฟิล์มเซลลูโลสจากเยื่อพืช ผสมผสานเม็ดพลาสติกชีวภาพหลายชนิด (PBAT, PLA) เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสม ไปจนถึงการใช้หมึกพิมพ์ที่ไม่เป็นพิษ จนได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ซึ่งมีกระบวนการทดสอบที่เข้มงวด โดยนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วไปสับให้ย่อยสลายกลายเป็นดิน แล้วนำดินนั้นไปปลูกผักโขม ก่อนจะนำเนื้อเยื่อของผักมาตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารไมโครพลาสติกตกค้างเป็นการสร้างวงจรหมุนเวียนที่สมบูรณ์และพิสูจน์ได้จริง

คอมม่อน ฟู้ด โซลูชั่น ของสุพิชฌาย์ ได้สร้างโมเดลธุรกิจที่แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำ เธอเริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะใช้สี กลิ่น และรสจากธรรมชาติ 100% ซึ่งนำเธอไปสู่ความท้าทายด้านวัตถุดิบที่ไม่สม่ำเสมอ และทำให้เธอค้นพบปัญหาขยะอาหาร จากผลผลิตทางการเกษตรที่ตกเกรด แทนที่จะมองว่าเป็นอุปสรรค เธอเปลี่ยนมันให้เป็นหัวใจของธุรกิจด้วยการสร้างเครือข่าย Collaboration กับสหกรณ์และชุมชนเกษตรกรโดยตรงเพื่อรับซื้อผลผลิตเหล่านั้น นี่ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้ แต่คือการออกแบบกระบวนการธุรกิจที่ช่วยลดปัญหาขยะอาหารอย่างเป็นระบบ เปลี่ยนวัตถุดิบที่เกือบจะถูกทิ้งให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่า

พลังแห่งความร่วมมือ: ภาพใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยคนตัวเล็ก

พรฤทัย โชติวิจิตร เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินโครงการ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)
พรฤทัย โชติวิจิตร เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินโครงการ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)

ขณะที่ผู้ประกอบการแต่ละรายกำลังต่อสู้อยู่ในสมรภูมิของตนเอง การเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนเชื่อมโยงเข้าหากัน พรฤทัย โชติวิจิตร เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินโครงการ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ชี้ให้เห็นถึงพลังแห่งความร่วมมือ เธอยกตัวอย่างสถานการณ์ในจังหวัดระนอง พื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่งดงามและมีป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับ 5 ของประเทศ แต่กลับต้องเผชิญกับวิกฤติขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นถึง 234 ตันต่อวัน และกว่าครึ่งหนึ่งถูกกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง กองขยะที่สูงเท่าตึก 3 ชั้นและเตาเผาขนาดเล็กบนเกาะ คือภาพสะท้อนของปัญหาที่คุกคามระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร

จากโจทย์ใหญ่ของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่ต้องการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับบรรจุภัณฑ์ IUCN ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเชื่อมประสานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ตั้งแต่ภาควิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปจนถึงหัวใจสำคัญที่สุดคือชุมชนโดยมีนวัตกรรมที่คาดไม่ถึงคือการดึงร้านโชห่วยเข้ามาเป็นศูนย์กลางของโครงการ พวกเขาไม่ได้มองร้านโชห่วยเป็นเพียงลูกค้า แต่เป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริงในชุมชน

โมเดล EPR (Extended Producer Responsibility) ถูกนำมาปรับใช้ในรูปแบบที่จับต้องได้ผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายที่จูงใจให้ผู้บริโภคนำบรรจุภัณฑ์กลับมาคืน เช่น โปรโมชัน 8 แถม 1 โดยร้านค้าจะทำหน้าที่เป็นจุดรวบรวม และสามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่เก็บได้ไปขายต่อให้กับโรงรับซื้อที่ได้มาตรฐาน สร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก เพียง 8 เดือนกว่า มีร้านค้าเข้าร่วม 23 ร้าน เกิดการซื้อขายกว่า 15,000 ครั้ง และสามารถเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ได้เกือบ 2 แสนชิ้น (กว่า 10 ตัน) แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขคือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคน เจ้าของร้านค้าต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลชุมชน และภูมิใจในแบรนด์สินค้าที่ใส่ใจปัญหาเล็ก ๆ ในบ้านของพวกเขา นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า แม้จะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ แต่เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายได้

อนาคตข้างหน้า: เมื่อความยั่งยืนคือมาตรฐานใหม่ของโลก

มองไปข้างหน้า 5 ปี ทุกคนเห็นตรงกันว่าความยั่งยืนจะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นกฎกติกาและข้อกีดกันทางการค้าที่ทรงพลังที่สุด การปรับตัวตั้งแต่วันนี้จึงไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่คือการเตรียมความพร้อมเพื่อแข่งขันในเวทีโลก

พรพิมลตั้งเป้าหมายที่จะทำ Carbon Footprint Labeling บนซองขนม เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าการทานขนมของเธอ 1 ถุง ช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้เท่าไหร่ ขณะที่วัฒนาเชื่อว่าเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์จะพัฒนาไปสู่ Mono-Material ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง

SME ไทยมีศักยภาพและความตระหนักรู้ในการขับเคลื่อนความยั่งยืนไม่แพ้ใคร การเริ่มต้นอาจมาจากจุดเล็ก ๆ รอบตัว จากการมองเห็นปัญหาในห่วงโซ่ธุรกิจของตนเอง แต่เมื่อรวมพลังกันแล้ว สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของภาระ แต่คือเรื่องของโอกาสที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงบนโลกที่น่าอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

LMWN x Coke: เปลี่ยนคนดูให้เป็นลูกค้าด้วย Data, Emotion และกลยุทธ์ ACT

กสิกรไทย นำร่อง ‘สัญญาคาร์บอนล่วงหน้า’ ครั้งแรกในไทย ปลดล็อกความเสี่ยงราคา

×

Share

ผู้เขียน