Share on
×

Share

ท็อปส์ จับมือ FLS Group เปิดตัว EV Truck ตั้งเป้าลดคาร์บอนฯ 13,335 ตัน ใน 5 ปี

Tops teams up with FLS Group, rolls out EV trucks for greener logistics

ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสู่อนาคตแห่งความยั่งยืน ผนึกกำลัง เอฟแอลเอส กรุ๊ป (FLS Group) ผู้นำด้านโซลูชันซัพพลายเชน เปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) ขนาด 10 ล้อควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ สำหรับใช้กระจายสินค้าสู่ร้านท็อปส์ ในพื้นที่ต่างจังหวัด นำร่องใช้งานในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 13,335 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายใน 5 ปี

สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ท็อปส์มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านแนวคิด ‘Small Acts Together’ รวมพลังเล็ก ๆ เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยภารกิจสำคัญต่าง ๆ ภายใต้แผนงาน ‘12 Missions to Sustainable Retail’ ในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของท็อปส์ ในปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ท็อปส์ได้ริเริ่มใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ล้ออุณหภูมิปกติ จำนวน 10 คัน และรถ 6 ล้ออุณหภูมิปกติจำนวน 1 คัน สำหรับกระจายสินค้าไปยังร้าน ท็อปส์ เดลี่ และร้านท็อปส์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 342.27 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

 “ล่าสุด ท็อปส์จึงได้เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ขนาด 10 ล้อควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ เพิ่มเติมรวมอีก 4 คัน ผ่านความร่วมมือครั้งสำคัญกับ FLS Group ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่มาพร้อมโซลูชันโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ เพื่อกระจายสินค้าไปยังร้านท็อปส์ในพื้นที่ต่างจังหวัด นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ในระยะทางที่ไกลมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมการกระจายสินค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ และเป็นการยกระดับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ให้ครอบคลุมการกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม”

ด้าน ทอร์บเยอร์น ลาริสซ์ ประธานบริษัท เอฟแอลเอส กรุ๊ป (FLS Group) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “การร่วมมือกับท็อปส์ภายใต้โครงการรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนพันธกิจของเราสู่ระบบโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน นอกจากนี้ รถบรรทุกไฟฟ้าสมรรถนะสูงและสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลที่นำมาใช้งานนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงนวัตกรรมที่ล้ำสมัย แต่ยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในเชิงการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศในวงกว้าง ปัจจุบัน เรามีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมใน 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯและภาคกลาง, ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, และภาคตะวันออก นอกจากนี้ เรายังวางแผนขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกในอนาคต เพื่อให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความร่วมมือกับท็อปส์ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการส่งมอบสินค้า แต่เป็นการร่วมมือเพื่อบรรลุพันธกิจร่วมกันในการสร้างอนาคตที่สะอาด ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

สำหรับรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ขนาด 10 ล้อ ควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ โดดเด่นด้วยสมรรถนะทรงพลัง ใช้เวลาเพียง 60 นาที ในการชาร์จเต็มประสิทธิภาพ รองรับระยะทางสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้าขนาด10 ล้อรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 9 ตัน และ ขนาด 18 ล้อรองรับได้ถึง 24 ตัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 1,860 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยในปี 2566 ท็อปส์ ได้นำร่องใช้งานรถขนส่งกระจายสินค้าอุณหภูมิปกติและสินค้าทั่วไปจำนวน 11 คัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในเดือนเมษายน 2568 ได้เปิดใช้งานเพิ่มอีกจำนวน 4 คัน สำหรับกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าอุณหภูมิปกติให้กับร้านท็อปส์ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 24 คัน ภายในปี 2568

“ท็อปส์ตั้งเป้าภารกิจสำคัญในครั้งนี้ว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในระยะเวลา 5 ปี ได้มากถึง 13,335 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 150,000 ต้น และจะยังคงเดินหน้าสืบสานภารกิจของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการดำเนินธุรกิจของท็อปส์ในรูปแบบอื่นๆ อีก เพื่อขับเคลื่อนโลกไปสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนต่อไป” สเตฟาน กล่าวสรุป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง: จากผู้บุกเบิก สู่ผู้นำยุคแห่งการเติบโตของพลังงานลมไทย

ยูนิลีเวอร์ เข้าเป็นแนวร่วมอุณหภิบาล มุ่งเป้าสู่ Net Zero ให้ได้เร็วกว่า 11 ปี ก่อนปี ค.ศ. 2050

×

Share

ผู้เขียน