Share on
×

Share

บราเดอร์ไม่หวั่นทุกสถานการณ์ ตั้งเป้าปี 2568 โต 7%

บราเดอร์ไม่หวั่นทุกสถานการณ์ ตั้งเป้าปี 2568 โต 7%

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มลดการใช้กระดาษ ความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศ และความเปลี่ยนแปลงด้านอัตราภาษีสหรัฐ แต่บราเดอร์มั่นใจว่าปี 2568 จะทำยอดขายเติบโต 7% แน่นอน

“ยังมีช่องว่างตลาดอยู่เสมอ ใครแข็งแกร่งกว่าคือผู้ชนะ โดยบริษัทยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ต้องการเป็นผู้นำในสินค้าทุกตัวที่ทำตลาด และเพิ่มมูลค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึงสิ่งแวดล้อม และสังคมที่อาศัยอยู่ตามปรัชญา At your side” ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความมุ่งมั่น

ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับทิศทางตลาดและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล การเป็นผู้นำในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตตามเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีดีไซน์ทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และเสริมแกร่งฐานลูกค้า B2B ตลอดจนส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ภายใต้แนวคิด “Transforming for a Sustainable Future”

ตั้งเป้าปี 68 โต 7%

ขณะที่ กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงวิสัยทัศน์ปี 2568 ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บราเดอร์แตกต่างคือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลายภาคธุรกิจ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ทำให้มั่นใจว่ายังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งภายในอย่าง GDP ที่เขาเห็นว่า หากเติบโตได้เท่ากับปีที่ผ่านก็ “หรูแล้ว” และปัจจัยภายนอกอย่างกำแพงภาษีสหรัฐ ซึ่งยังไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ยังคงเห็นโอกาสจากกำลังซื้อของภาคประชาชนและภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ภาคค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาล การศึกษา และการผลิต รวมถึงงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยตั้งเป้าขยายธุรกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% ภายในปีนี้ เพราะนอกจากความแข็งแกร่งด้านตัวสินค้าแล้ว บราเดอร์ยังแข็งแรงในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี และโฮมยูส ทั้งเห็นว่า บริษัทเอกชนยังมีช่องทางการเติบโตได้ จากการที่มีบริษัทจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี

ดังนั้น ปีนี้บริษัทขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Brother All” โดยเดินเกมรุกด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ครบวงจร ทั้งเครื่องพิมพ์ เครื่องสแกน เครื่องพิมพ์ฉลาก จักรปัก เครื่องเสียงภายใต้แบรนด์ BMB เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล และเครื่องพิมพ์ฉลากดิจิทัลระบบ UV อิงค์เจ็ตความละเอียดสูงภายใต้แบรนด์ Domino เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำต่อเนื่องด้วยการ รักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในหลากหลายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์

เจาะโปรเจ็กต์เซลส์

“การทำตลาดจะเจาะกลุ่มโปรเจ็กต์ เซลส์ ทั้งภาครัฐและเอกชน สอดคล้องกับแผนการผลิตของบริษัทแม่ บราเดอร์ ญี่ปุ่น ที่เตรียมการผลิต โดยเช็คแต่ละประเทศว่า ส่วนสำคัญของแต่ละประเทศอยู่ตรงไหน และให้โรงงานจัดลำดับผลิตส่วนที่สำคัญก่อน”

จากปีที่ผ่านมา ครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ (Printing Business) ด้วยสัดส่วน เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำ 45% เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันขาวดำ 55% เครื่องพิมพ์เลเซอร์สี 51% เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสี 45% เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต A3 ทั่วโลกต่อเนื่อง 17 ปีซ้อน

รวมทั้ง อันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจภาคขยาย (Business Expansion) ประกอบด้วย จักรปักสำหรับ SME จักรเย็บผ้าภายในบ้าน เครื่องพิมพ์ฉลาก P-touch ที่มีโอกาสเติบโตในกลุ่มการแพทย์ และภัตตาคารใช้ในห้องครัวลดการสูญเสียของวัตถุดิบ รวมถึงภาครัฐใช้ติดตามพัสดุครุภัณฑ์ เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Direct-to-Garment GTX

ส่วนกลยุทธ์การขายและการสื่อสาร บริษัทเน้นการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ทุกตัวเข้ากับทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อสร้าง Channel Synergy และเดินหน้าไปสู่การสร้าง Omni Channel อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ และเตรียมเปิดตัว e-Commerce และ Loyalty Program เพื่อสร้างการสื่อสารที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ การขายสินค้าของบริษัทผ่านเชน สโตร์ และร้านค้าอื่น ๆ 65% อีก 35% เป็นโปรเจ็กต์ เซลส์

ปี 2567 โต 9% เหนือค่าตลาด

ส่วนปี 2567 บราเดอร์สร้างการเติบโตภาพรวมได้ถึง 9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเกือบ 2 เท่า ซึ่งอ้างอิงจากรายงานของ Gartner ที่ภาพรวมตลาด IT ในประเทศไทยเติบโตอยู่ที่ 5.8% เป็นมูลค่า 1 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำสถิติยอดขายรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ ๆ ในทั้ง 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์ฉลากดิจิทัลระบบ UV อิงค์เจ็ตความละเอียดสูงภายใต้แบรนด์ Domino ที่ทำตลาดภายใต้ชื่อบริษัทเป็นปีแรก

มุ่งบริการเป็นเลิศ

รัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า บราเดอร์ วางกลยุทธ์ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2568 – 2570 ภายใต้ “CoSE” หรือ Center of Service Excellence มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก คือ 1. การรับประกันคุณภาพการบริการ (Service Quality Assurance) ด้วยมาตรฐาน ISO 18295-1 รวมถึงมาตรฐานด้านการให้บริการและการตรวจสอบครบทุกด้าน (BSQA)

2. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม (Digitalization & Innovation) โดยเสริมสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล รวมถึงการบูรณาการ AI และแชตบอต เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า 3. การสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) เน้นโปรแกรมเชิงรุกที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และ 4. การสร้างความยั่งยืน (Sustainability) เน้นการเติบโตทางธุรกิจและการขยายบริการ รวมถึงการมีส่วนร่วมกับสังคม ชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

รับผิดชอบต่อสังคม

พรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและการบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงความมุ่งมั่นของบราเดอร์ว่า ปีนี้ ยังคงดำเนินกิจกรรม CSR ต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งด้าน ESG และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายใต้ 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมปลูกป่าชายเลน (Mangrove Reforestation) ที่ตั้งเป้าหมายการรอดของต้นกล้ามากกว่า 80%

ส่วนอีกกิจกรรมคือ “Brother Beat Cancer Run” ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 12 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสร้างความตระหนักด้านการดูแลสุขภาพ สอดคล้องไปกับ Golden Ring Project พันธกิจระดับโลกของ Brother ประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกมิติ และปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวระดมทุนได้กว่า 16.3 ล้านบาท ช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้กว่า 975 ราย รวมทั้งยังมีโครงการอื่น ๆ เพื่อรับผิดชอบและเติบโตร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ที่ใส่ใจลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Apple ลุยใช้พลังงานสะอาด-วัสดุรีไซเคิลในผลิตภัณฑ์ เผยปัจจุบันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้กว่า 60%

‘Dynamic Cities via Mobility Data’ ถอดรหัสชีวิตผู้คนและเมือง ผ่านมุมมองนักวิทยาศาสตร์

โตชิบารุกเปิดตัวธุรกิจ ifLink แพลตฟอร์ม IoT แบบเปิด เพื่อการเข้าถึงบริการ IoT ที่ง่ายขึ้น

×

Share