จากการดำเนินงานตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย (พ.ศ. 2566-2570) ในการเปลี่ยนผ่านการทำงานของภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์การให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA และด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถยกระดับคะแนนภาพรวมดัชนีชี้วัดการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-GOVERNMENT DEVELOPMENT INDEX: EGDI) ที่สำรวจโดยองค์การสหประชาชาติ จากเดิมในอันดับที่ 55 เมื่อปี 2565 ขึ้นสู่อันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศ ในปี 2567 โดยมีพัฒนาการด้านดิจิทัลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานการจัดอันดับดัชนี EGDI ซึ่งเผยแพร่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2567 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยยังได้รับการจัดลำดับอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาการสูงระดับ V2 และได้คะแนนสูงเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นรองเพียงประเทศสิงคโปร์
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับสูงขึ้น มาจาก “ตัวเลขดัชนีทุนมนุษย์” (Human Capital Index: HCI) ซึ่งวัดจากประสิทธิภาพของบุคลากรของประเทศทั้งในด้านแรงงาน การศึกษา ความชำนาญการ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจและสังคม มีคะแนนเพิ่มขึ้นจาก 0.7879 ในปี 2565 เป็น 0.8032 ในปี 2567 และ “ดัชนีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม” (Telecommunication Infrastructure Index: TII) วัดจากความพร้อมใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศและในภูมิภาคต่าง ๆ มีคะเนนเพิ่มขึ้นจาก 0.7338 ในปี 2565 เป็น 0.941 ในปี 2567
ส่วนดัชนีการบริการออนไลน์ (Online Service Index: OSI) ที่แม้จะลดลงจาก 0.7763 ในปี 2565 เป็น 0.7611 ในปี 2567 แต่มีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นในตัวชี้วัดย่อย เช่น กรอบโครงสร้างสถาบัน (Institutional Framework) ที่ได้รับคะแนนเต็ม 1.00 เนื้อหาบนเว็บไซต์ภาครัฐ (Content Provision) ที่ได้คะแนน 0.8889 นอกจากนี้ การให้บริการ (Service Provision) ยังมีคะแนนเพิ่มขึ้นจาก 0.6933 ในปี 2565 เป็น 0.6988 ในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล
ปฏิรูประบบราชการ ขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล
รัฐบาลแถลงนโยบายด้านดิจิทัลต่อรัฐสภาและสาธารณชนในโอกาสต่าง ๆ โดยแบ่งการขับเคลื่อนออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1) การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 2) การปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล 3) การส่งเสริมช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม 4) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และ 5) การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในฐานะเป็นผู้กำกับดูแล DGA กล่าวว่า เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศ ดังนั้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจึงมีความสำคัญ และต้องทำให้มีความมั่นคงปลอดภัย สามารถให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ได้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวในการพัฒนานวัตกรรม ยกระดับศักยภาพ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม
อย่างก็ตาม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ จะต้องกระทำควบคู่ไปกับการออกแบบรัฐบาลดิจิทัล ซึ่ง “การปฏิรูประบบราชการ” ถือเป็นหนึ่งในแนวทางเร่งด่วนในการขับเคลื่อนความเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และสามารถตอบโจทย์การให้บริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพสำหรับคนไทยและภาคธุรกิจของไทย
การปฏิรูประบบราชการในปัจจุบันสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความเข้มแข็ง ประกอบด้วย 3 หลักคิดสำคัญ หลักคิดแรก ต้องสร้างความได้เปรียบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีโครงสร้างเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ (The Growth Engine of Thailand) ในการขับเคลื่อน เช่น การใช้คลาวด์ในหน่วยงานภาครัฐ (Cloud First Policy) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) หลักคิดที่สอง การพัฒนาระบบหรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลต้องมีความมั่นคงปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลสำคัญของประเทศและประชาชน และ หลักคิดที่สาม การพัฒนาทุนมนุษย์ (Digital Manpower) โดยเฉพาะจำนวนบุคลากรด้านดิจิทัลที่มีไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับสัดส่วนของประชากรทั้งประเทศ
ยกตัวอย่างการประกาศนโยบาย Cloud First Policy ในปี 2567 ในการกำกับดูแลมาตรฐานของบริการคลาวด์ และการประเมินอุปสงค์-อุปทานการใช้งานคลาวด์ของหน่วยงานภาครัฐให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารต้นทุนงบประมาณ ซึ่งเดิมแต่ละหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างกันเอง การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบแทนการจัดเก็บอย่างกระจัดกระจายไปตามหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและลดภาระค่าใช้จ่าย ตลอดจนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
การบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (Data Center) และการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ผู้บริหารภาครัฐสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อประกอบการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
การพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานแบบไร้เอกสาร (Paperless) และดำเนินขั้นตอนการอนุมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ผู้บริหารภาครัฐสามารถปฏิบัติงาน เรียกดูข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล หรืออนุมัติงานได้ทุกที่ ทุกเวลา อีกทั้งการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ให้เป็นระบบและมีลักษณะเดียวกัน ยังช่วยให้การบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวง DE มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัลอย่างครบถ้วน และกำลังขยายผลไปยังกระทรวงอื่น ๆ
“ระบบราชการจำเป็นต้องเปลี่ยนสู่ดิจิทัล เพื่อให้การติดต่อราชการของพี่น้องประชาชนมีความสะดวก ต้องเป็นระบบ National Single Window (NSW) ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อการทำธุรกรรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และไร้เอกสาร” นายประเสริฐ กล่าว
การพัฒนาทักษะดิจิทัลของบุคลากรภาครัฐที่ได้มีการออกแบบโครงการอบรมออกเป็นหลายระดับ ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันสถาบันพัฒนาบุคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล : Thailand Digital Government Academy หรือ TDGA ภายใต้การกำกับดูแลของ DGA
ทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ให้บริการงานด้านวิชาการด้านทักษะดิจิทัล มาตรฐานองค์ความรู้ การจัดอบรม และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพให้กับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐให้มีความพร้อมในทักษะทางด้านดิจิทัลในการขับเคลื่อนหน่วยงานภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
TDGA พัฒนาทักษะดิจิทัลภาครัฐ
ไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) กล่าวว่า DGA มีหน้าที่ขับเคลื่อนการวางนโยบาย กติกา มาตรฐานต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางให้ภาครัฐเข้ามาใช้ประโยชน์ แต่การทำให้ภาครัฐมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวข้างต้น จำต้องมีการจัดอบรมความรู้ด้านดิจิทัล จึงนำไปสู่การจัดตั้งสถาบัน TDGA เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 เพื่อส่งเสริมภารกิจของ DGA ในการยกระดับทักษะดิจิทัลของบุคลากรภาครัฐทุกระดับ ดำเนินการภายใต้ภารกิจหลักเรียกว่า “C E N T” ได้แก่
C-Curriculum การจัดทำหลักสูตรการเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐทุกระดับ ครอบคลุมองค์ความรู้ตั้งแต่ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy Skill) ไปจนถึงทักษะขั้นสูง (High Level Skill)
เช่น หลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐ (e-GCEO) หลักสูตรพัฒนาผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (GCIO) ในการพัฒนาองค์กรสู่รัฐบาลดิจิทัล หลักสูตรนักบริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-GEP) เน้นการบริหารงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงบูรณาการและแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน หลักสูตรการสร้างกระบวนการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล (DTP) เพื่อเรียนรู้ทิศทางการเปลี่ยนแปลงและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการ หลักสูตรเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภาครัฐ (GDPO) ซึ่งเป็นการออกแบบหลักสูตรร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หลักสูตรเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และหลักสูตรอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
“หลักสูตรของเรามีสารตั้งต้นมาจากมาตรฐานทักษะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.) เป็นผู้กำหนด นำมาออกแบบเป็นหลักสูตรกลางที่บุคลากรภาครัฐทุกระดับสามารถใช้ในการพัฒนาทักษะดิจิทัลได้”
E-Ecosystem การพัฒนาระบบสนับสนุนการพัฒนาทักษะดิจิทัล ผ่านศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านรัฐบาลดิจิทัล หรือระบบ Digital Government Leaning Platform (DGLP)
N-Network & Partnership การสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการกับสถาบันการศึกษา สถาบันฝึกอบรม องค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ หรือพันธมิตรที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศรวมกว่า 50 แห่ง ในการนำหลักสูตรกลางที่ TDGA พัฒนาไปดำเนินการฝึกอบรมให้กับบุคลากรภาครัฐที่มีอยู่ประมาณ 3 ล้านคน ทั่วประเทศ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ทำการฝึกอบรมกว่า 400 คน และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กว่า 900 คน
Training การฝึกอบรมเพื่อยกระดับทักษะดิจิทัลทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online รวมถึงหลักสูตร e-Learning ซึ่งเป็นการให้บริการการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเปิดโอกาสให้บุคลากรภาครัฐและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงลงทะเบียนในเว็บไซต์ TDGA และยืนยันตัวตน ก็สามารถเลือกเรียนหลักสูตรที่ตัวเองสนใจ มีการทดสอบความรู้หลังเรียนจบ และสามารถพิมพ์ใบ Certificate ออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ปัจจุบัน มีผู้ผ่านหลักสูตร Onsite รวม 13,000 คน ผู้ผ่านหลักสูตร e-Learning รวมเกือบ 3 ล้านคน
“ทาง TDGA ได้สร้างหลักสูตรการพัฒนาทักษะดิจิทัลรวมกว่า 30-40 วิชา ใช้ระยะเวลาในการเรียนวิชาละ 1 ชั่วโมง ไปจนถึง 3-4 ชั่วโมง หรือจะเรียนเป็นซีรี่ส์ก็ได้ การออกแบบการเรียนที่ใช้ระยะเวลาเรียนสั้น ๆ ไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย ประชาชนหรือบุคลากรภาครัฐสามารถเลือกเรียนได้ตามบทบาทหน้าที่หรือตามที่ตัวเองสนใจ ส่วนในปี 2568 TDGA จะเน้นการพัฒนาหลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นพิเศษ ตั้งแต่การปูพื้นความรู้ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานได้จริง”
การก้าวสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล จึงเป็นความท้าทายของหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน และจำต้องอาศัยความร่วมมือของบุคลากรภาครัฐทั้งหมดในการร่วมกันเปลี่ยนแปลงการทำงานของภาครัฐ การให้บริการประชาชนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงการเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นหนี่งในประเทศที่มีดัชนีชี้วัด EGDI ติด 40 อันดับแรกของโลก ตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย (พ.ศ.2566-2570) ให้ได้ในอนาคต
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Hoxton Farms ผลิตไขมันสัตว์จากสเต็มเซลล์เพื่อเพิ่มความอร่อยให้เนื้อเทียม