Share on
×

Share

เยี่ยมชมเมืองอุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อโลกยั่งยืน WHA Group จากสมุทรปราการ ถึงอีสเทิร์นซีบอร์ด

เยี่ยมชมเมืองอุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อโลกยั่งยืน WHA Group จากสมุทรปราการ ถึงอีสเทิร์นซีบอร์ด

แม้วันสิ่งแวดล้อมโลกจะผ่านพ้น แต่หน้าที่ของคน หรือองค์กรที่อาศัยอยู่บนผืนโลกยังคงอยู่ ดังนั้น The Story Thailand ขอพาทุกท่านสู่ “ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป” ที่ร่วมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2567 ด้วยการเปิดต้นแบบเมืองอุตสาหกรรมสีเขียวให้ได้ชมกัน เริ่มจากสำนักงานใหญ่ ที่มีศูนย์ควบคุมส่วนกลาง “WHA Unified Operation Center: UOC” ซึ่งติดตั้งระบบตรวจสอบเฝ้าระวังในโครงการและพื้นที่ปฏิบัติงานทุกแห่งของกลุ่มบริษัทแบบเรียลไทม์

อัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า UOC เป็น Realtime Centralize Monitoring ตรวจวัดสถานะต่าง ๆ ในเขตนิคมแบบเรียลไทม์ ทั้งระบบผลิตน้ำ ระบบการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อให้แสดงข้อมูลผลชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส และรองรับให้เป็นไปตามข้อกําหนดโดยหน่วยงานรัฐที่ให้เผยแพร่ผลการตรวจวัดต่อสาธารณะ รวมถึงระบบควบคุมการจราจรในพื้นที่โรงงานแต่ละแห่งเพื่อการไหลลื่น โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน

เศรษฐกิจหมุนเวียน โลกรอดยั่งยืน

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า ความยั่งยืนคือทางรอดของโลก จากโลกร้อนเป็นโลกเดือด ซึ่งการดำเนินงานเพื่อรักษาโลกควรเริ่มตั้งแต่เมื่อวาน มาถึงตอนนี้ช้าเกินไปที่จะแก้ปัญหา แต่เป็นเรื่องต้องทำ

“ดับบลิวเอชเอ สนใจเรื่องนี้มานาน เพราะธุรกิจของเราถ้าทำไม่ดี จะเป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้ การทำนิคมอุตสาหกรรมจะต้องดูถึงชั้นใต้ดินว่าเป็นอะไรมาก่อน การที่จะไปลงทุนที่ใด ประชาชนทั้งหมดต้องไม่ได้รับผลกระทบ โดยเรื่อง ESG อยู่ใน DNA ของเรา เป็นสิ่งที่ต้องทำ”

เธอเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงว่า การทำนิคมอุตสาหกรรมเปลี่ยนพื้นดินจากนาข้าวมาเป็นนิคมฯ มีถนนตัดผ่าน จะต้องไม่สร้างขวางทางน้ำ หากเกิดฝนตกน้ำต้องไม่ท่วม พิสูจน์ได้จากนิคมฯ ของดับบลิวเอชเอที่มีกว่า 70 แห่ง ไม่เคยเกิดน้ำท่วมแม้แต่แห่งเดียว และสร้างบ่อหน่วงน้ำ เพื่อป้องกันกรณีฝนตกหนัก น้ำจากนิคมฯ จะไม่ไหลไปท่วมบ้านเรือนชาวบ้านละแวกนั้น

แต่ละนิคมฯ มีเครื่องวัดค่าอากาศ และการปล่อยน้ำเสียจะผ่านการบำบัด เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่า นิคมอุตสาหกรรมสามารถสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน ในรูปแบบของเครือข่ายที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ดูแลทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางการพัฒนาสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวอย่างต่อเนื่อง วันนี้ เราบรรลุเป้าหมาย มีรูปธรรมในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศ ตามหลักการ Circular Economy”

อาคารกระจายสินค้าสีเขียว

จากสำนักงานใหญ่ ไปชม WHA Mega Logistics Center อาคาร B อาคารแห่งแรกของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่ได้การรับรองมาตรฐาน LEED ขั้น LEED Gold เวอร์ชั่น 4.1 Building Design and Construction (V4.1 BD+C) โดยอาคารนี้เป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า พื้นที่ 150,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์ กม. 21 จังหวัดสมุทรปราการ

อาคารได้รับการออกแบบและพัฒนาภายใต้หลักการอาคารสีเขียว เพื่อควบคุมตั้งแต่การใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จนถึงการจัดการของเสีย สอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐาน LEED ซึ่งกำหนดโดยสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council) ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุณภาพของอากาศและสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร ช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมคลังสินค้าของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

ศูนย์กระจายสินค้า มีพื้นที่รวม 400 ไร่ ได้รับการพัฒนาแล้ว 250 ไร่ ยังมีอาคารมาตรฐาน LEED Gold เพียงอาคารเดียว แต่สามารถก่อสร้างเพิ่มเติมได้ หากความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 7-8 เดือน แต่จะใช้เวลามากหน่อยในการขอใบรับรองที่ต้องมาจากภายนอก อย่างไรก็ตาม อาคารทุกหลังของดับบลิวเอชเอ สร้างตามมาตรฐาน LEED อยู่แล้ว

จัดการสาธารณูปโภคยั่งยืน

ไปต่อที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ระยอง เปลี่ยนพื้นที่ไร่สับปะรดเป็นนิคมอุตสาหกรรม เกิดน้ำเสีย 6,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากเกือบ 100 โรงงาน น้ำเหล่านี้จะต้องผ่านการบำบัด และนำมาผลิตน้ำ R.O. (REVERSE OSMOSIS) ได้ 3,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนที่เหลือจะเป็นน้ำที่เก็บไว้ในบ่อเพื่อรอให้น้ำฝนลงไปผสม รวมทั้งตะกอนที่ได้จะนำไปทำสารบำรุงดินเพื่อนำไปใช้ดูแลพื้นที่สีเขียว

“ดับบลิวเอชเอ ให้ความสําคัญกับการใช้น้ำ อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ ด้วยการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม รวมไปถึงจัดหาแหล่งน้ำสํารอง และดูแลคุณภาพน้ำเสียก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกพื้นที่อุตสาหกรรม ในฐานะผู้ให้บริการและผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และผู้ให้บริการบําบัดน้ำเสียครบวงจร”

ทั้งนี้ บริษัทวางแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการในนิคมฯ และส่งเสริมทรัพยากรน้ำแก่ชุมชนข้างเคียง ครอบคลุมการจัดหาแหล่งน้ำ การผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การบําบัดน้ำเสีย และการนําน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การลดการสูญเสียน้ำในระบบผลิตและจ่ายน้ำ รวมถึงการนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้บริหารจัดการน้ำอย่างหลากหลาย

WHA Group เปิดกลยุทธ์ 4 กลุ่มธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Technology Company เต็มรูปแบบในปี 2567

ได้แก่ กระบวนการอัลตราฟิลเตรชันและรีเวิร์สออสโมซิส ระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง แบบใช้ถังตกตะกอน แบบบึงประดิษฐ์ และแบบบ่อเติมอากาศ ตลอดจนริเริ่มโครงการ Clean Water For Planet เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบบําบัดน้ำเสียให้ชุมชนโดยรอบและบุคคลภายนอก

ตั้งแต่ปี 2560 โครงการนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาใช้ใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ถึงปัจจุบัน มีกำลังการบำบัดน้ำเสียรวมกันกว่า 36,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมวางเป้าหมายที่ 83,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันในปี 2571

บริษัทวางเป้าหมายลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 21,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีในปี 2570 โดยปี 2567เดิมตั้งเป้าลดการใช้น้ำไว้ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จะประหยัดได้ 56 ล้านบาทต่อปี หรือเทียบเท่าการใช้น้ำของ 226,000 คน

บริษัทยังมีโครงการ Demineralized Reclaimed Water พัฒนาเพื่อเป็นแหล่งผลิตน้ำทางเลือก โดยปรับปรุงคุณภาพน้ำจากระบบบําบัดน้ำเสียด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผลิตเป็นน้ำเพื่ออุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุจําหน่ายแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ ราคาลูกบาศก์เมตรละประมาณ 30 บาท

พื้นที่รอบบ่อบำบัดน้ำเสีย ยังปลูกพืช ได้แก่ ผักตบชวา ธูปฤาษี และเบิร์ด ออฟ พาราไดซ์ เพื่อเติมอากาศแก่น้ำ โดยเปิดให้ชุมชนในพื้นที่เข้ามาเก็บพืชไปทำงานหัตถกรรม เช่น กระเป๋าสานจากผักตบชวา แบรนด์ชื่นชวา และได้จัดทำโครงการปันกัน เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายของชาวชุมชนในท้องถิ่นภายในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ช่วยอนุรักษ์วิชาชีพ หัตถกรรม งานประดิษฐ์ คหกรรมอาหาร อาหารพื้นบ้าน

พลังงานทดแทน

ด้านไฟฟ้า เน้นการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ และตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายรูปแบบ เช่น Floating Solar โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของบ่อเก็บน้ำดิบ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ที่มีขนาดไฟฟ้ารวม 8 เมกะวัตต์ Solar Carpark โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 7.7 เมกะวัตต์  Solar Rooftop โครงการผลิตไฟฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่หลังคาโรงงาน ที่ ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 24.25T เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังมีโครงการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็น 25% ของการใช้งานทั้งหมด และจะขยายการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อไป รวมทั้งมีโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งรายย่อยให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่ง โดยดับบลิวเอชเอ สนับสนุนสินเชื่อ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน UOB พร้อมช่วยเหลือทุกธุรกิจด้วย ESG Solution ใหม่ที่ผู้ประกอบการไม่ควรพลาด

“Career” และ “Role” หมวก 2 ใบของนักธุรกิจที่ช่วยสร้างโลกให้ยั่งยืน

เปิดแนวคิด ESG ให้สตาร์ตอัพไทย เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง