นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกของการลงทุน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนใน Digital Asset หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Blockchain มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสูง ช่วยให้นักลงทุนมีทางเลือกลงทุนมากขึ้น แม้ในบางช่วง ราคาของสินทรัพย์ประเภทนี้ร่วงลงแรงจนคนติดดอยกันเป็นแถว แต่ตลาดเงินดิจิทัลก็โตขึ้นเรื่อยๆ จนนักวิเคราะห์เชื่อว่าความมั่งคั่งในอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว
เมอร์เคิล แคปปิตอล ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับมือกับอนาคตการลงทุน จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมแบ่งปันมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าจับตามองในปี 2025 ในงานสัมมนา MERKLE MAGNIFICENCE: Potential Unlocked: Investing in Tomorrow’s Wealth
เจนมิลเลนเนียล: ผู้ถือครองความมั่งคั่งรายใหญ่ในอนาคต
พีระสิทธิ์ จิวะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนให้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Internet Banking แอปพลิเคชันสั่งอาหาร รวมถึงโลกของการลงทุน ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งยิ่งใหญ่จากรุ่นสู่รุ่น จากคน เจน X สู่คน เจน Y หรือ มิลเลนเนียลส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกการเงินมากขึ้น

“เชื่อว่าภายใน 5 ปี ข้างหน้า (2030) เจนมิลเลนเนียลจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือครองความมั่งคั่งรายใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังส่งผลกระทบต่อรูปแบบการลงทุน” พีระสิทธิ์กล่าวในหัวข้อ The Future of Wealth: Digital Assets and Their Role in 2025
สำหรับรูปแบบการลงทุนของคนแต่ละเจนนั้น พีระสิทธิ์ แชร์ข้อมูลว่า คนเจน X จะลงทุนในหุ้น กองทุน และอสังหาริมทรัพย์ มากที่สุด ส่วนคนเจน Y และ Z ลงทุนในคริปโทมากที่สุด เพราะมองเห็นโอกาสและพร้อมรับความเสี่ยงได้
Bitcoin ETF เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัล
การอนุมัติ Bitcoin ETF โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) เมื่อเดือนมกราคม 2024 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึง Bitcoin ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของ Bitcoin ETF พุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 115 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.89 ล้านล้านบาท) ในปัจจุบัน
จากข้อมูลของ Companiesmarketcap, Bitcoin ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.912 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (64.77 ล้านล้านบาท) เป็นรองเพียงสินทรัพย์อย่างทองคำ หุ้นของบริษัท Apple (AAPL) หุ้นของบริษัท Nvidia (NVDA) หุ้นของบริษัท Microsoft (MSFT) หุ้นของบริษัท Amazon (AMZN) และหุ้นของบริษัท Google (GOOG) เท่านั้น
ทั้งนี้ ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้จำกัดอยู่เพียงนักลงทุนรายย่อยอีกต่อไป สถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดนี้ด้วย
ทำไมต้องลงทุนใน Bitcoin
คำถามที่มักจะถูกถามในวงการนักลงทุนแบบดั้งเดิมคือ การเพิ่ม Bitcoin เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอการลงทุนแบบดั้งเดิมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนให้กับพอร์ตฯ ได้อย่างไร ซึ่งพีระสิทธิ์แชร์ข้อมูลว่า การเพิ่มการลงทุนใน Bitcoin เพียง 1% ในพอร์ตฯ จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเกือบ 1% แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเขาแนะนำว่า การลงทุนใน Bitcoin จะช่วยเพิ่มกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
ทั่วโลกจับตานโยบายสหรัฐฯ หนุนคริปโท
การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งเป็นผู้บูชาคริปโทสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พีระสิทธิ์เชื่อว่า ถ้าสหรัฐอเมริกาออกนโยบายสนับสนุนคริปโทอย่างชัดเจน ทั้งโลกก็พร้อมจะปรับตัวตามสหรัฐฯ รวมถึงประเทศไทยด้วย
สำหรับโอกาสในประเทศไทยนั้น พีระสิทธิ์มองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงโอกาสนี้และมีมติเห็นชอบหลักการของร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย
อนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลและบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2025 เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี กฎระเบียบ และนโยบาย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
“การตัดสินใจว่าจะ “เสี่ยง” หรือ “เสียโอกาส” อยู่ในมือของนักลงทุนทุกคน” ซีอีโอ เมอร์เคิล แคปปิตอลกล่าวสรุป
การลงทุนในทุกสินทรัพย์สร้างโอกาส

ด้านกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย ซึ่งให้ทัศนะในหัวข้อ Economic Landscape: Global Trends and Opportunities in 2025 ชี้ว่า การลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทช่วยสร้างโอกาส
“หากมองย้อนไป 100 ปี การลงทุนในสินทรัพย์หลักทุกประเภทเอาชนะเงินเฟ้อได้หมด” กวีกล่าว
กวีซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น Value Investor หรือนักลงทุนสาย VI แชร์กลยุทธ์ในการลงทุนของเขาให้ฟังว่า ตอนที่ภรรยาคลอดลูกชาย เขาวางแผนไกลไปถึงว่าลูกชายต้องแต่งงาน ก็ซื้อทองคำหนัก 100 บาท เก็บไว้เป็นค่าสินสอดในราคาทองบาทละ 7,000 บาท ปัจจุบันราคาทองคำหนัก 1 บาทอยู่ที่ 46,000 กว่าบาท ซื้อเพชร 3 กะรัต และคิดไปถึงของชำร่วยไว้แจกแขก ซึ่งเขาซื้อธนบัตรใบละ 50 บาทรุ่นทำจากโพลิเมอร์ไว้ 1,000 ใบ ตอนนี้ราคาซื้อขายอยู่ที่ใบละ 140 บาท หรือราคาขึ้นมาเกือบ 3 เท่าตัว ส่วนตัวเขาเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการซื้อ Bitcoin 1 เหรียญตอนราคา 60,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ และะไม่คิดจะขายแต่เก็บไว้เป็นการลงทุนระยะยาว
“เพราะเชื่อว่า ไม่มีสินทรัพย์อะไรที่ลงทุนแล้วไร้เหตุผล (การลงทุนใน) Bitcoin ก็มีโอกาส ถ้าคว้าได้ และช่วยกระจายความเสี่ยง” กวีกล่าว
5 แนวโน้มน่าจับตามองในปี 2025
กวีมองว่าปี 2025 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของโลกรวมถึงโลกของการลงทุนด้วย การทำความเข้าใจแนวโน้มและโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย
แนวโน้มแรกคือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินและอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทจะยังคงเป็นบวกในระยะยาว
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กำลังท้าทายบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้จากการที่กลุ่ม BRICS มีบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีควอนตัม ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญสมาชิกในกลุ่มนี้คือจีนและรัสเซียครอบครองกลุ่มแร่หายากหรือ Rare Earth รวมกันราว 50%
อีกทั้ง เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ควอนตัมและพลังงานหมุนเวียน กำลังเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คอมพิวเตอร์ควอนตัมมีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน และวิทยาศาสตร์ ในขณะที่พลังงานหมุนเวียนกำลังกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญมากขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจและนักลงทุน
อีกหนึ่งแนวโน้มที่สำคัญคือการเพิ่มขึ้นของสังคมผู้สูงอายุทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพและการขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม สังคมผู้สูงอายุยังสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุได้
โอกาสของไทยจากภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลง
กวีชี้ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเหล่านี้ และอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เขาให้เหตุผลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ การเดินทางมาไทยไม่ยาก จนทำให้เรากลายเป็น Logistic Centre โดยไม่ตั้งใจ ต่างประเทศให้ความสนใจใช้ไทยเป็น Data Centre
ถึงแม้ว่าประเทศไทยไม่มีอุตสาหกรรมที่เป็นจุดเด่น แต่สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้คือธุรกิจการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านการเงิน การท่องเที่ยว สุขภาพ Logistics อีคอมเมิร์ซ พลังงานทางเลือก และนั่นคือสิ่งที่เราต้องมองหาโอกาส
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
บิทแคสต์ ปลื้มคนสนใจ Hardware Wallet Workshop เตรียมจัดต่อ 23 ก.พ. นี้
OTT ในมือใคร? ส่องบทบาทกสทช. ไทย และต่างประเทศ
“นักวิจัย” ตัวแปรสำคัญในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมไทย