ภาคเอกชนมีความภูมิใจเป็นยิ่งสำหรับการรับหน้าที่การเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งสำคัญ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ด้วย APEC CEO Summit 2022 นับเป็นเวทีคู่ขนานกับเวทีประชุมของภาคนโยบายหรือประชุมเอเปค 2022 ทว่าเป็นเวทีของภาคเอกชน ในการเจรจา อภิปราย และแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างผู้นำทางธุรกิจ ตลอดจนผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ผู้กำหนดนโยบาย และนักวิชาการต่าง ๆ ในประเด็นทางธุรกิจที่ภูมิภาคกำลังเผชิญ โดยนับเป็นความพยายามอันมุ่งมั่นของเอเปคในการส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือภาครัฐ และภาคเอกชน
การประชุม APEC CEO Summit 2022 ได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนทางด้านการค้า การลงทุน สังคม และเศรษฐกิจภายใต้แนวทาง “Embrace Engage Enable” ที่เน้นการเปิดโอกาส การสอดประสานความร่วมมือ และการผลักดันสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในชุมชนเอเชียแปซิฟิก
นอกจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน เวทีนี้ยังนับเป็นความร่วมมือกับภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่เราชุมชนเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญ และยังนับเป็นเวทีต่อการเตรียมความพร้อมของมิติใหม่ทางการค้า การลงทุน และทางสังคม เพื่อให้ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก สามารถขับเคลื่อนไปยังอนาคตข้างหน้าได้อย่างมีพลวัตและยั่งยืน
สำหรับเวทีการสนทนาของการประชุม APEC CEO Summit 2022 ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นี้ ได้มีวาระการประชุมที่สำคัญ อันได้แก่
ประเด็นที่ 1: ผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้นำทางธุรกิจเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมสำหรับอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว หรือ BCG ซึ่งประเทศไทยได้นำมาเป็นวาระแห่งชาติและเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดใหญ่
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวในคำปราศรัยที่เตรียมไว้ว่า การเปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความก้าวหน้า ในขณะที่การขัดขวางห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นในเอเชียแปซิฟิก จะขัดขวางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ จีนมุ่งมั่นที่จะ ‘ส่งเสริมการสร้างชุมชนเอเชียแปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกัน’
จอห์น เดนตัน เลขาธิการสภาหอการค้านานาชาติ กล่าวว่าการหลอมรวมภาคธุรกิจเข้ากับการกำหนดนโยบายเป็นจุดแข็งที่สำคัญของเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก และความร่วมมือนี้มีความจำเป็นในอนาคต ด้วยเป็นภูมิภาคที่สร้างความยืดหยุ่นด้านห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านของพลังงานและคาร์บอน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สะท้อนความรู้สึกดังกล่าว โดยกล่าวว่า การดำเนินการและความร่วมมือร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยจัดการกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน และให้ความสำคัญกับ ‘การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’
ศาสตราจารย์เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสภาเศรษฐกิจโลก เรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ โอบรับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัล การคิดเชิงกลยุทธ์ และแนวคิดเรื่องเงินทุนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างความไว้วางใจจากสาธารณะ
ประเด็นที่ 2: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความครอบคลุม และความยั่งยืน จะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบายและบริษัทต่าง ๆ
เหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวว่า การลงทุนทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถูกกำหนดให้เป็นตัวขับเคลื่อนกระแสการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต
แฟร์ดินันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนีย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เห็นพ้องต้องกันว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารเป็นความท้าทายสำคัญที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญ และเรียกการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศว่าเป็น ‘ความท้าทายที่กดดันที่สุดต่อความอยู่รอดในยุคสมัยของเรา’
โรเบิร์ต มอริทซ์ ประธานบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส (PwC) กล่าวว่า ความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความคล่องตัว จะมีความสำคัญต่อการเติบโตในอนาคต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากสาธารณชน ผู้ประกอบการธุรกิจต้องมีความสามารถในการกำหนดแนวทางและดำเนินงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
กาบริเอล โบริก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐชิลี กล่าวว่าการปฏิรูปสังคมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม
ดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา รองประธานาธิบดีคนที่ 1 สาธารณรัฐเปรู ได้เห็นด้วยต่อประเด็นก่อนนี้ โดยเสริมว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นมีสามมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกล่าวว่าความท้าทาย คือการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันโดยไม่ประนีประนอมกับอนาคต
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่าการเติบโตจำเป็นต้องมีความครอบคลุม และไม่ทิ้งกลุ่มผู้ด้อยโอกาสไว้เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ธุรกิจขนาดเล็ก หรือชนพื้นเมือง เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในช่วงการระบาดของโควิด-19
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธาน APEC CEO Summit 2022 และรองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การประชุม APEC CEO Summit 2022 ในครั้งนี้นับเป็นการประชุมแบบพบปะกันเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018 ซึ่งจะเป็นเวทีที่ให้ภาคเอกชนและภาครัฐได้ทำงานร่วมกันเพื่อหาทางรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญ
“เป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกหลังการระบาดของโควิด-19 ยังมีความท้าทายอีกมากที่ต้องเผชิญ เช่น สงคราม ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ภาวะเงินเฟ้อ การก่อการร้าย การขาดแคลนอาหาร พลังงาน ความยั่งยืน เทคโนโลยีที่สร้างความพลิกผัน ตลอดจนภัยคุกคามอื่น ๆ”
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล (digitalization) การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อย, ขนาดย่อม และขนาดกลาง (Micro, Small and Medium Enterprises: MSMEs) การมีส่วนร่วม ความยั่งยืน การเงิน และสภาพเศรษฐกิจ
การประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit) ในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้นำจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม จะเป็นพื้นฐานสำหรับการพูดคุยเพื่อนำไปสู่การหาทางออกและกลยุทธ์ต่อไป
รัฐบาลประกาศให้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เติบโตและต่อยอดในแนวทางที่สมดุลและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของการประชุมเอเปค ภายใต้แนวคิด “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล – Open. Connect. Balance.”
“เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือและความมุ่งมั่นของเรา จะนำพาเราให้ผ่านพ้นความผันผวนต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญ โดยตระหนักว่าโลกของเรา ต้องการวิธีการแก้ปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน ความครอบคลุม และนวัตกรรมใหม่ ๆ”
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า แนวคิดหลักของการประชุม APEC CEO Summit คือ ‘Embrace Engage Enable – เปิดรับโอกาส สอดประสานความเชื่อมโยง ร่วมกันสร้างความเป็นไปได้’ เป็นวิสัยทัศน์ที่นำทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022
ประเทศไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ หมุนเวียน และสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model: BCG) มาเป็นกลยุทธ์ในการฟื้นฟูประเทศหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเทศไทยได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตของประเทศ รวมถึงการก่อสร้างทางหลวงและมอเตอร์เวย์เพิ่มขึ้นถึง 271% ในปี 2564 การสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อเมืองและศูนย์ด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิได้เพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารอีก 17% เป็น 139 ล้านคน
“เสถียรภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประกอบกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ”
หลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น ขณะที่การเข้าถึงระบบสวัสดิการได้รับการพัฒนาจนได้รับความชื่นชมจากนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่รับมือกับการระบาดใหญ่ได้ดีที่สุดประเทศหนึ่ง
“ท่ามกลางความท้าทายจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมด้านเศรษฐกิจ และการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานที่พึ่งพาได้ของโลก”