ในยุคที่การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีก (Retail) ทวีความรุนแรง การเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้าจากโลกออนไลน์สู่หน้าร้านออฟไลน์ (Online-to-Offline: O2O) ถือเป็นความท้าทายและโอกาสครั้งสำคัญล่าสุด ภายในงาน LINE Thailand Developer Conference อัจฉริยะ ดาโรจน์ LINE Certified Coach และผู้ก่อตั้ง Aiya.ai สตาร์ตอัพผู้เชี่ยวชาญด้าน Location AI Marketing ได้เปิดตัวโซลูชันและอุปกรณ์ใหม่ คือ “AI Beacon” ซึ่งทำงานร่วมกับ LINE Mini App และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อแก้ปัญหาที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องเผชิญและสร้างมิติใหม่ให้กับการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจากตำแหน่งที่ตั้ง (Location-Based)
ช่องว่างที่มองไม่เห็น: เมื่อโลกออนไลน์และออฟไลน์ไม่เชื่อมต่อกัน
อัจฉริยะกล่าวว่า ความท้าทายของนักการตลาดในปัจจุบัน คือ ความแตกต่างระหว่างการลงทุนในสื่อโฆษณาออฟไลน์ (Out of Home Media) และออนไลน์ (Online Advertising) สื่อออฟไลน์ เช่น ป้ายบิลบอร์ด สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ในวงกว้าง แต่มีข้อจำกัดอย่างยิ่งในการวัดผลตอบรับที่แท้จริง (Conversion) และยากที่จะสร้างยอดขายได้ในทันที ในขณะที่สื่อออนไลน์มีความแม่นยำสูงในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและวัดผลได้ แต่ก็ต้องพึ่งพาการประมูลค่าโฆษณา (Bidding) และอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเป็นหลัก
ช่องว่างที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าเห็นสินค้าบนโลกออนไลน์ เพิ่มลงในตะกร้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ แล้วเดินทางมาที่หน้าร้าน ณ จุดนั้น ข้อมูลจากโลกออนไลน์ไม่ได้ถูกส่งต่อมายังโลกออฟไลน์ ทำให้แบรนด์สูญเสียโอกาสสำคัญในการปิดการขาย
“จุดนี้คือจุดที่เราเสียโอกาสในการปิดการขาย พนักงานหน้าร้านไม่รู้จักเลยว่าลูกค้าคนนี้คือใคร อาจเป็นลูกค้า VIP ก็ได้ ปัญหาคือ Data ที่อยู่บนโลกออนไลน์กับออฟไลน์มันไม่ซิงค์กัน” อัจฉริยะกล่าว
AI Beacon และ LINE Mini App: จิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็ม
เพื่อแก้ปัญหานี้ Aiya.ai ได้นำเสนอโซลูชันที่ผสานเทคโนโลยีสองส่วนหลักเข้าด้วยกันเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน
1. AI Beacon: ฮาร์ดแวร์อัจฉริยะสำหรับโลกออฟไลน์
หัวใจสำคัญของฝั่งฮาร์ดแวร์คือ AI Beacon ซึ่งเป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณบลูทูธที่ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาการใช้งานจริงในธุรกิจค้าปลีก โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ ระยะส่งสัญญาณไกลขึ้น 4 เท่า เพิ่มจาก 25 เมตรเป็น 100 เมตร ช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่หน้าร้านและบริเวณโดยรอบได้ดียิ่งขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 3 ปี ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมคุณภาพสูง หมดกังวลเรื่องการบำรุงรักษาบ่อยครั้ง ทนทานทุกสภาพอากาศ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ทำให้สามารถติดตั้งได้ทั้งในและนอกอาคาร มีเสถียรภาพสูง ใช้ชิปเซ็ตจาก Nordic ที่มีความเสถียรและทำงานร่วมกับ LINE Beacon ได้อย่างสมบูรณ์
อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น (Trigger) เมื่อลูกค้าที่เปิดใช้งานบลูทูธเดินเข้ามาในระยะสัญญาณ จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Right place, Right time, Right offer, Right person” โดยมีแบนเนอร์ปรากฏขึ้นบนแอปพลิเคชัน LINE เพื่อเชื้อเชิญให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในทันที
2. LINE Mini App: ประสบการณ์ดิจิทัลไร้รอยต่อ
เมื่อลูกค้ากดที่แบนเนอร์ จะเป็นการนำเข้าสู่ LINE Mini App ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฝั่งซอฟต์แวร์ที่เป็นพระเอกของงานนี้ โดยมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าเว็บทั่วไป ได้แก่ ประสบการณ์เสมือนแอปฯ จริง ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการได้ทันทีโดย ไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้ง แอปพลิเคชันเพิ่มเติม ลดความยุ่งยากและเพิ่มโอกาสการใช้งาน ล็อกอินอัตโนมัติ ด้วยการใช้ระบบ LINE Login ทำให้ลูกค้าไม่ต้องจำชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านใหม่
กลไก Auto Add Friend คือหนึ่งในฟีเจอร์ที่ทรงพลังที่สุดคือ เมื่อแบรนด์ได้รับการรับรองเป็น “Certify Provider” ลูกค้าที่เข้าใช้งาน Mini App และกดยินยอม จะถูกเพิ่มเป็นเพื่อนใน LINE Official Account โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง Customer Journey ที่ต่อเนื่องและส่งข้อความติดตามผลผ่าน Messaging API ได้
และเข้าถึงง่าย ผู้ใช้สามารถสร้างทางลัด (Shortcut) ของ Mini App ไว้บนหน้าจอหลักของสมาร์ทโฟน และสามารถค้นหาบริการเจอได้จากช่องค้นหาหลักของ LINE
การทำงานร่วมกันของ AI Beacon และ LINE Mini App ทำให้แบรนด์สามารถเปลี่ยน “ผู้คนที่เดินผ่าน” ให้กลายเป็น “ลูกค้าที่มีปฏิสัมพันธ์” และเก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เบื้องหลังความอัจฉริยะ: Location AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
โซลูชันของ Ayya.ai ไม่ได้หยุดอยู่แค่การแจ้งเตือน แต่เป็นการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยอีเวนต์จาก LINE Beacon 3 รูปแบบ คือ 1) Enter (เมื่อเข้าสู่ระยะ) 2) Banner (เมื่อกดแบนเนอร์) และ 3) Stay (เมื่ออยู่ในพื้นที่ต่อเนื่อง) เพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญ เช่น User ID, ตำแหน่งที่ตั้ง (ผ่าน Hardware ID ของ Beacon) และ Reply Token ที่ทำให้แบรนด์สามารถส่งข้อความกลับหาลูกค้าได้ฟรี
ข้อมูลดิบเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ในมิติต่างๆ เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึก (Customer Insight) ที่นำไปใช้งานได้จริง ได้แก่ ความถี่ (Frequency) ลูกค้ามาบ่อยแค่ไหน, ระยะเวลาที่อยู่ (Dwell Time) ใช้เวลาในแต่ละโซนของร้านนานเท่าใด Heatmap แสดงพื้นที่ยอดนิยมที่มีคนหนาแน่นที่สุด และ เส้นทางการเดิน (Walking Path) วิเคราะห์ลำดับการเคลื่อนที่ของลูกค้าระหว่างจุดต่าง ๆ ภายในร้าน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการจัดวางสินค้าและปรับปรุงประสบการณ์หน้าร้าน
ข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดจะถูกป้อนเข้าสู่ระบบ Location AI ซึ่งทำหน้าที่เป็นสมองกลกลาง โดยผสานข้อมูลจาก Beacon ข้อมูลลูกค้า (CRM) และข้อมูลจากช่องทางอื่น ๆ เข้าด้วยกัน จากนั้น AI (Ayya.ai ใช้ Gemini บน Google Cloud และมีระบบฐานข้อมูลเป็น PostgreSQL ที่เสริมด้วย TimescaleDB สำหรับข้อมูล Time-series) จะทำการวิเคราะห์และ แนะนำแคมเปญที่เหมาะสมที่สุด (Campaign Recommendation) สำหรับลูกค้าคนนั้น ๆ ณ เวลานั้น เพื่อส่งมอบข้อเสนอที่เฉพาะบุคคล (Personalized Offer) และเพิ่มโอกาสการปิดการขายให้สูงสุด
“เราต้องเปลี่ยนมุมมองว่า AI ไม่ใช่แค่แชทบอท แต่มันคือสมองของทุกอย่าง AI ต้องสามารถเปลี่ยน Foot Traffic ที่คนเดินผ่านไปมาให้กลายเป็นยอดขายได้” คุณอัจฉริยะกล่าว
จากกรณีศึกษาที่ทำร่วมกับ Bar B Q Plaza กว่า 30 สาขา พบว่ากลไก O2O Marketing นี้สามารถสร้าง Sales Conversion ได้สูงถึง 60% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของโฆษณาออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ
โอกาสครั้งใหญ่ของนักพัฒนาไทย
อัจฉริยะได้ทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนและให้คำแนะนำแก่นักพัฒนาไทยเพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสครั้งสำคัญนี้ โดยมีประเด็นหลัก 3 ประการ คือ 1) เตรียมพร้อมสำหรับ LINE Mini App การที่ LINE กำลังจะเปิดให้นักพัฒนาทั่วไปสร้าง Mini App ได้ ถือเป็นโอกาสทอง นักพัฒนาที่คุ้นเคยกับการสร้าง LIFF App สามารถต่อยอดได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนโค้ด สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการเตรียมสถาปัตยกรรมของระบบให้พร้อม โดยออกแบบให้มี Environment แยกจากกันอย่างชัดเจนระหว่าง Dev, Review และ Production เพื่อให้การพัฒนาและทดสอบเป็นไปอย่างราบรื่น
2) เปลี่ยนมุมมองต่อ LINE Beacon นักพัฒนาควรมอง Beacon ให้เป็นมากกว่าเครื่องมือส่งข้อความต้อนรับ (Welcome Message) แต่ให้มองเป็น “ทริกเกอร์สำหรับ AI” (AI Trigger) ที่ใช้ปลุกให้ระบบ AI เริ่มทำงานวิเคราะห์และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลทันทีที่พวกเขาเข้ามาในพื้นที่
และ 3) ขยายขอบเขตการใช้ AI ถึงเวลาแล้วที่จะต้องก้าวข้ามกรอบความคิดว่า AI มีไว้สำหรับสร้าง “แชทบอท” เท่านั้น แต่ต้องมองว่า AI คือ “สมองของทุกอย่าง” ที่สามารถนำข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้ง Public Data, CRM และพฤติกรรมการใช้งาน มาวิเคราะห์เพื่อเปลี่ยน Foot Traffic ที่จับต้องไม่ได้ให้กลายเป็นยอดขายที่วัดผลได้จริง
นอกจากนี้ อัจฉริยะยังได้ประกาศว่า Ayya.ai มีแผนจะเปิดตัวโซลูชันในรูปแบบ SaaS (Software as a Service) สำหรับนักพัฒนาโดยเฉพาะในไตรมาสถัดไป ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับนักพัฒนา เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศ O2O Marketing ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
โจทย์จริงของ AI ที่ไว้ใจได้: ไม่ใช่ข้อมูลมหาศาลแต่คือการรับมือ ‘ข้อมูลจำกัด’
LINE เปิดวิสัยทัศน์ตั้งเป้าปั้นไทยสู่ ‘Developer Nation’ ด้วย Next Gen Experience