ผู้เชี่ยวชาญจากตำรวจไซเบอร์ THNIC และสมาคมสื่อฯ ถอดรหัสภัยคุกคามออนไลน์ในงานประชุมสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย Thailand Safe Web Forum 2025 ชี้กลลวงส่วนใหญ่ใช้จิตวิทยา Social Engineering เป็นอาวุธ แนะแนวทางป้องกันตนเองสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ
ในงานประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานกำกับดูแลและภาคเอกชน ได้ร่วมถอดรหัสภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ที่ทวีความซับซ้อนขึ้น โดยชี้ว่า อาชญากรไซเบอร์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนจากการโจมตีทางเทคนิคไปสู่การใช้หลักจิตวิทยา หรือ Social Engineering เพื่อหลอกลวงเหยื่อเป็นหลัก พร้อมย้ำว่าการสร้าง “เว็บปลอดภัย” (Safe Web) นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เริ่มต้นที่ “สติ” และความรอบคอบของผู้ใช้งานเป็นด่านแรก
เวทีเสวนาดังกล่าว ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้คร่ำหวอดในวงการ ได้แก่ ดร.เพ็ญศรี อรุณวัฒนามงคล ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิค) พ.ต.ต.พากฤต กฤตยพงษ์ สารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 และ นันทสิทธิ์ นิติเยาว์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และ Senior Manager Platform and Content Management, Amarin TV โดยมี เมธปริยา คำนวนวุฒิ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ
นิยาม “เว็บปลอดภัย” และภาพรวมภัยคุกคามที่เปลี่ยนไป
ผู้ร่วมเสวนาได้ร่วมกันให้นิยามของ “เว็บปลอดภัย” ว่าคือ สภาพแวดล้อมดิจิทัลที่พลเมืองทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กและผู้สูงอายุ สามารถเข้าถึงข้อมูล บริการ และทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะรั่วไหลหรือจะตกเป็นเหยื่อของการทุจริตทางการเงิน ซึ่งความปลอดภัยนี้ครอบคลุมทั้งในฝั่งของผู้ใช้งานทั่วไป และฝั่งของผู้ดูแลเว็บไซต์หรือสื่อ ที่ต้องป้องกันแพลตฟอร์มของตนเองจากการโจมตีทางเทคนิค เช่น DDoS Attack เพื่อให้สามารถเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้อย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ต.พากฤต จากตำรวจไซเบอร์ ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า ภูมิทัศน์ของอาชญากรรมได้ย้ายจากโลกกายภาพมาสู่โลกไซเบอร์ที่ไร้พรมแดนอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ทำให้พวกเขามีความเชื่อว่าจะสามารถรอดพ้นจากการจับกุมได้ง่าย จึงเลือกใช้ช่องทางนี้เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม รูปแบบของภัยคุกคามได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จากในอดีตที่เน้นการโจมตีทางเทคนิค (Cyber Attack) เช่น การแฮ็กระบบ หรือ SQL Injection ปัจจุบันได้เบนเข็มมาสู่การเป็น “สแกมเมอร์” ที่ใช้เทคนิค Social Engineering ซึ่งเป็นการใช้จิตวิทยาเพื่อหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลหรือโอนเงินให้ด้วยความเต็มใจของตนเองเป็นหลัก
“สิ่งที่ตำรวจทำคือการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ คือตามจับกุมเมื่อเกิดความเสียหายและมีผู้เสียน้ำตาไปแล้ว แต่มันไม่ใช่การป้องกันอย่างแท้จริง” พ.ต.ต.พากฤต กล่าว พร้อมย้ำว่า “การป้องกันที่ดีที่สุดคือการปิดโอกาสของอาชญากร” ซึ่งหมายถึงการสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเท่าทันกลโกงต่าง ๆ
เจาะกลยุทธ์มิจฉาชีพ: จากเว็บปลอมสู่ Social Engineering
ผู้เชี่ยวชาญได้ลงลึกถึงกลยุทธ์ของมิจฉาชีพที่หลากหลายและแนบเนียนขึ้นกว่าเดิม ซึ่งล้วนอาศัยช่องโหว่ทางจิตใจของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ
- Domain Spoofing และ Phishing – กับดักลวงที่แนบเนียน: ดร.เพ็ญศรี ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การหลอกเด็กที่ต้องการซื้อไอเทมในเกม, การหลอกผู้ปกครองผ่านเพจแคสติ้งนักแสดงเด็กปลอม ไปจนถึงการหลอกให้ผู้สมัครงานโอนเงินค่าดำเนินการ กลลวงเหล่านี้มักเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ปลอม (Phishing) ที่เลียนแบบหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น กรมสรรพากร หรือธนาคาร โดยใช้โดเมนที่จดทะเบียนง่ายและตรวจสอบตัวตนยาก (.cc, .xyz) หรือใช้ชื่อที่คล้ายคลึงกับโดเมนจริง (เช่น ใช้เลข 1 แทนตัว l) เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน
- SMS Phishing – ภัยร้ายในกล่องข้อความ: พ.ต.ต.พากฤต ได้เตือนถึงเทคนิคที่อันตรายอย่างยิ่ง คือการใช้เครื่อง “False Base Station” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถยิงสัญญาณปลอมที่แรงกว่าเสาสัญญาณของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ทำให้มิจฉาชีพสามารถส่ง SMS หลอกลวงแทรกเข้ามาในกล่องข้อความ (Thread) เดียวกันกับข้อความจริงจากผู้ให้บริการได้ ทำให้เหยื่อแยกแยะได้ยากมากและหลงเชื่อได้ง่าย
- เพจปลอมบนโซเชียลมีเดีย – ช่องทางยอดนิยมของนักต้มตุ๋น: การสร้างเพจ Facebook ปลอมยังคงเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายสินค้า การสร้างเพจปลอมของหน่วยงานราชการเพื่อรับแจ้งความ หรือที่อันตรายที่สุดคือ “เพจหลอกลงทุน” ซึ่งมิจฉาชีพจะสร้างแพลตฟอร์มการลงทุนปลอมขึ้นมา เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าไป ในระบบจะแสดงผลกำไรที่สูงเกินจริงเพื่อจูงใจให้ลงทุนเพิ่ม แต่เมื่อต้องการถอนเงินกลับไม่สามารถทำได้และจะถูกเรียกร้องให้โอนเงินเพิ่มอีก
- Clickbait และ Malware – ของฟรีไม่มีในโลก (ไซเบอร์): นันทสิทธิ์ ชี้ให้เห็นถึงการใช้ข่าวปลอมเป็นเหยื่อล่อ ในขณะที่ พ.ต.ต.พากฤต ได้เจาะจงไปที่เว็บไซต์ผิดกฎหมาย เช่น เว็บดูหนังฟรี เว็บพนัน หรือเว็บสื่อลามกอนาจาร ซึ่งมักจะฝังสคริปต์อันตรายไว้ในปุ่มต่าง ๆ เช่น ปุ่ม “Play” เมื่อผู้ใช้กดปุ่มดังกล่าว แทนที่จะได้ดูวิดีโอ เครื่องคอมพิวเตอร์อาจถูกติดตั้งมัลแวร์หรือแรนซัมแวร์ทันทีโดยไม่รู้ตัว
เกราะป้องกันด่านแรก: ‘ไม่กลัว–ไม่โลภ–ไม่หลง’
พ.ต.ต.พากฤต ได้ให้คาถาสำคัญในการป้องกันตัวเองว่า “ไม่กลัว ไม่โลภ ไม่หลง” เพราะมิจฉาชีพมักจะใช้ 3 อารมณ์นี้เป็นเครื่องมือเสมอ คือ ความกลัว ด้วยการสร้างสถานการณ์เร่งด่วน เช่น “บัญชีของคุณกำลังจะถูกล็อค” หรือ “คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผิดกฎหมาย” เพื่อให้เหยื่อตกใจและรีบทำตามโดยขาดความยั้งคิด
ความโลภ ด้วยการเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เช่น โครงการ “ลงทะเบียนรับเงินฟรี” หรือการลงทุนที่การันตีกำไรมหาศาล เพื่อล่อใจให้คนอยากได้และยอมเสี่ยง และความหลง ด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือ ปลอมเป็นบุคคลที่น่าเคารพ หรือใช้เวลานานในการสร้างความสัมพันธ์ (Romance Scam) เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและไว้วางใจ
แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชน: ปรับตัวสู่วิถี “สโลว์ไลฟ์” บนโลกออนไลน์
ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านได้แนะนำแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับประชาชน เพื่อสร้างเกราะป้องกันตนเอง ดังนี้
- ใช้ชีวิตออนไลน์ให้ช้าลง: นันทสิทธิ์แนะนำให้ปรับมุมมองเป็นแบบ “สโลว์ไลฟ์” คือ “ไม่ต้องรีบคลิก ไม่ต้องรีบโอน ไม่ต้องรีบเสพ” การชะลอความเร็วลงจะทำให้มีเวลาไตร่ตรองและตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจกระทำการใด ๆ
- ตรวจสอบก่อนเชื่อเสมอ: ควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหลาย ๆ แห่ง โดยเฉพาะข่าวที่ถูกส่งต่อกันมา แม้จะมาจากเพื่อนก็ตาม เพราะเพื่อนอาจตกเป็นเหยื่อและส่งต่อข้อมูลมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
- จับสังเกต TLD และ URL คือหัวใจสำคัญ: ก่อนคลิกลิงก์ใด ๆ ให้ตรวจสอบชื่อโดเมนเสมอ โดยเฉพาะส่วนท้ายสุดที่เรียกว่า Top-Level Domain (TLD) โดยหน่วยงานราชการไทยจะใช้ .go.th และองค์กรที่น่าเชื่อถือในไทยมักใช้ .th หรือ .ไทย ซึ่งมีกระบวนการยืนยันตัวตนผู้จดทะเบียนที่เข้มงวดกว่า TLD ต่างประเทศที่มิจฉาชีพนิยมใช้ กรณีสแกน QR Code ควรสังเกต URL ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอก่อนกดยืนยันเข้าไปยังลิงก์นั้น ๆ
- ใช้ช่องทางที่เป็นทางการ: – หากได้รับข้อความที่น่าสงสัยจากหน่วยงานใดก็ตาม อย่าคลิกลิงก์ในข้อความนั้น แต่ให้ติดต่อหน่วยงานดังกล่าวโดยตรงผ่านช่องทางที่เป็นทางการ เช่น เว็บไซต์หลัก หรือเบอร์โทรศัพท์ที่เคยติดต่อ สำหรับการแจ้งความออนไลน์ ให้ใช้เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th เท่านั้น
บทบาทองค์กรและเครื่องมือเสริมความปลอดภัย: ความร่วมมือคือกุญแจสำคัญ
นอกเหนือจากการป้องกันตนเองของผู้ใช้งานแล้ว บทบาทขององค์กรต่าง ๆ ในการสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ดร.เพ็ญศรี ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับภัยคุกคามไซเบอร์ พร้อมยกตัวอย่างเครื่องมือและโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งานและผู้ประกอบการ ดังนี้
- การยืนยันตัวตนที่เข้มแข็งของโดเมน .th และ .ไทย: มูลนิธิ THNIC กำกับดูแลการจดทะเบียนโดเมนภายใต้รหัสประเทศไทย ซึ่งมีนโยบายที่กำหนดให้ผู้จดทะเบียนต้องเป็นนิติบุคคลหรือถือเครื่องหมายการค้าในประเทศ ทำให้สามารถตรวจสอบและระบุตัวตนเจ้าของเว็บไซต์ได้ชัดเจน ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและยกระดับความปลอดภัยให้สูงกว่าโดเมนสากลที่ใครก็สามารถจดทะเบียนได้โดยง่าย
- โดเมน .ไทย – เพื่อการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและปลอดภัย: การส่งเสริมให้ใช้ชื่อโดเมนภาษาไทย ไม่เพียงช่วยลดอุปสรรคทางภาษาสำหรับประชาชนทั่วไป แต่ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากมิจฉาชีพต่างชาติจะปลอมแปลงได้ยากขึ้นอย่างมาก
- บริการย่อลิงก์ภาครัฐ dg.th: เป็นความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) เพื่อให้บริการย่อลิงก์ที่ปลอดภัยสำหรับหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะ ซึ่งมีการตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์ปลายทางก่อนเสมอ ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนเมื่อต้องคลิกลิงก์จากหน่วยงานราชการ
- เทคโนโลยี DNSSEC (DNS Security Extensions): เป็นการเพิ่มการลงนามดิจิทัลไปกับการสอบถามชื่อโดเมน (DNS Query) เพื่อตรวจสอบว่ามีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลชื่อโดเมนกลางทางหรือไม่ ทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อผู้ใช้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่ถูกต้อง จะถูกนำทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ใช่เว็บไซต์ปลอมของมิจฉาชีพ
การเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำว่า แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็น “มนุษย์” การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ผู้ใช้งานมี “สติ” ในการท่องโลกออนไลน์ ควบคู่ไปกับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนานโยบายและเครื่องมือที่ทันสมัย จึงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับทุกคน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ถอดรหัส ‘Smishing’ กลลวง SMS ยอดฮิตเผยเทคนิคมิจฉาชีพใช้ AI หลอกดูดเงิน
เวที AI Summit 2025: ธุรกิจ-จริยธรรม-กฎหมาย 3 มิติสำคัญขับเคลื่อน AI ไทย