Share on
×

Share

LINE เปิดวิสัยทัศน์ตั้งเป้าปั้นไทยสู่ ‘Developer Nation’ ด้วย Next Gen Experience

LINE เปิดวิสัยทัศน์ตั้งเป้าปั้นไทยสู่ 'Developer Nation' ด้วย Next Gen Experience

LINE เผยข้อมูลชี้ Developer ไทย “คุณภาพระดับโลกแต่ปริมาณน่าห่วง” พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ “Next Gen Experience” หวังปลดล็อกศักยภาพนักพัฒนา ขับเคลื่อนไทยสู่ Developer Nation

ในงาน LINE Thailand Developer Conference ประจำปี 2025 นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย ได้ฉายภาพสถานการณ์และศักยภาพของนักพัฒนาไทยในเวทีโลก ชี้ให้เห็นว่าแม้ “คุณภาพ” ของนักพัฒนาไทยจะอยู่ในระดับแนวหน้า แต่ “ปริมาณ” ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญในการผลักดันประเทศให้ก้าวสู่การเป็น “Developer Nation” อย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ วีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Next Gen Experience”  สร้างแพลตฟอร์ม-เครื่องมือครบวงจร หวังปลดล็อกศักยภาพนักพัฒนา สู่การขับเคลื่อนประเทศ

คุณภาพระดับโลก แต่ปริมาณคือความท้าทาย

นรสิทธิ์กล่าวว่า จากบัญชีผู้ใช้บน GitHub พบว่าประเทศไทยมีจำนวนนักพัฒนาอยู่ที่ 12 คนต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียที่ 40 คน และประเทศพัฒนาแล้วที่ 60 คน ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามมีสัดส่วน 15 คน และสิงคโปร์พุ่งสูงถึง 160 คน

ในมิติของผลงาน (Output) ที่วัดจากจำนวนแอปพลิเคชันบน Android ต่อประชากร 1 ล้านคน ประเทศไทยอยู่ที่ 69 แอป ขณะที่ค่าเฉลี่ยเอเชียอยู่ที่ 177 แอป และประเทศพัฒนาแล้วอยู่ที่ 300 แอป ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นช่องว่างเชิงปริมาณที่ประเทศไทยยังต้องไล่ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำข้อมูลทั้งสองส่วนมาวิเคราะห์เพื่อหาประสิทธิภาพของนักพัฒนาแต่ละคน กลับพบข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นรสิทธิ์ชี้ว่า “คุณภาพของ Developer ไทยอยู่ในระดับโลก” โดยประสิทธิภาพในการสร้างแอปพลิเคชันต่อหัวของนักพัฒนาไทยนั้น อยู่ในระดับเดียวกับสหรัฐอเมริกาและเวียดนาม และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียอย่างชัดเจน

“ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า ทุกวันนี้เราต่างกันแค่จำนวน แต่คุณภาพของเราอยู่ในระดับโลก” นรสิทธิ์กล่าว พร้อมเสริมว่าการเติบโตของ Startup ไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพนี้ได้เป็นอย่างดี

โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ ประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน?

นรสิทธิ์กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านอย่าง สัดส่วนของบริษัทซอฟต์แวร์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 2005 มาถึงปัจจุบัน และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และ AI จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นไปอีก

“The world is run by software” เขากล่าว พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า “แล้วประเทศไทยอยู่ตรงไหน?” เขาเน้นย้ำว่าพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองหรือผู้ปกครอง แต่อยู่ในมือของคอมมูนิตี้นักพัฒนาทุกคนในที่นี้ “อนาคตเริ่มสร้างด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องรอคนอื่น”

จาก “Developer Experience” สู่ “Engineering Excellence Experience”

วีระ เกษตรสิน CTO ของ LINE ประเทศไทย
วีระ เกษตรสิน CTO ของ LINE ประเทศไทย

ด้าน วีระ เกษตรสิน CTO ของ LINE ประเทศไทย ได้ขึ้นเวทีเพื่อตอบรับความท้าทายดังกล่าว ด้วยการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะยกระดับการสนับสนุนนักพัฒนาไทยไปอีกขั้น จากเดิมที่เน้น “Developer Experience (DX)” คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้เครื่องมือ ไปสู่ “Engineering Excellence Experience”

วีระได้กล่าวถึงบทบาทของ AI ที่เปลี่ยนแปลงจากการเป็นเพียงเครื่องมือ มาสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ของนักพัฒนา ซึ่งช่วยเพิ่มผลิตภาพในการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ และกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในปัจจุบัน

เขาได้เปรียบเทียบ Developer Experience (DX) ว่าเป็นเหมือนประสบการณ์การใช้ “คีย์บอร์ดที่ถนัดมือ” ซึ่งช่วยให้การเขียนโค้ดเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าพึงพอใจ แต่ได้ชี้ให้เห็นว่า DX เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไปเมื่อต้องพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ในระดับล้านคน

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยกระดับไปสู่ Engineering Experience (EX) ซึ่งเขาเปรียบเทียบว่าเหมือน “ระบบครัวสำหรับร้านอาหารมืออาชีพ” ที่ไม่ได้มีเพียงอุปกรณ์พื้นฐาน แต่ประกอบด้วยเครื่องมือที่ครบครันและกระบวนการทำงาน (Workflow) ที่เป็นระบบ เพื่อให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและรองรับการใช้งานจำนวนมากได้อย่างมีมาตรฐาน ทั้งในด้านความปลอดภัย ความมีเสถียรภาพ และความสามารถในการขยายระบบ

“ถ้าเราต้องเขียนซอฟต์แวร์เพื่อให้คนเป็นหลักล้านคนใช้ แค่ Experience ในการเขียนโปรแกรมมันไม่เพียงพอแล้ว” คุณวีระกล่าว

4 เสาหลักของ “Next Gen Experience”

วิสัยทัศน์ “Next Gen Experience” นี้จะถูกขับเคลื่อนผ่าน Open Platform ของ LINE โดยมี 4 แกนหลักสำคัญ ได้แก่

  1. People (ผู้คน): สร้างคอมมูนิตี้ LINE Developer ให้เติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือกับ LINE API Expert, พาร์ตเนอร์ และดึงความร่วมมือจากนักพัฒนาระดับโลก
  2. Technology (เทคโนโลยี): เพิ่มขีดความสามารถของแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ให้มีความเสถียรและน่าเชื่อถือสูง โดยใช้ประสบการณ์จากการสร้างบริการให้ผู้ใช้กว่า 56 ล้านคน มาส่งมอบให้นักพัฒนาไทยได้ใช้งาน
  3. Process (กระบวนการ): ลดความซับซ้อนในการพัฒนาและส่งมอบซอฟต์แวร์ ด้วยชุดเครื่องมือ Starter Kit และ Command Line Tools ที่ออกแบบโดยยึดนักพัฒนาเป็นศูนย์กลาง (Developer-Centric)
  4. Product (ผลิตภัณฑ์): สร้างช่องทางให้ผลงานของนักพัฒนาเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคนได้ง่ายขึ้น ผ่าน Mini App และ Marketplace ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างการสร้างสรรค์และการใช้งานจริง

ปัจจุบัน LINE ได้เปลี่ยนสถานะจากแอปพลิเคชันส่งข้อความไปสู่การเป็น Life Platform วิสัยทัศน์ “Next Gen Experience” จึงเป็นก้าวต่อไปของทีมวิศวกร LINE ประเทศไทย ในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของนักพัฒนาไทย เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศต่อไป

การประกาศวิสัยทัศน์ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ LINE ประเทศไทย ในการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม สู่การเป็นผู้สร้างระบบนิเวศและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้นักพัฒนาไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และมุ่งสู่การเป็น “Thailand Developer Nation” ในอนาคต

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

โกโกลุก เปิดตัว Whoscall โฉมใหม่ ผสาน AI และพลังชุมชน ป้องกันภัยมิจฉาชีพ

AI คือมิตรหรือศัตรู? เจาะลึกเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกจากภัยคอลเซ็นเตอร์ถึงห้องผ่าตัด

×

Share

ผู้เขียน