Share on
×

Share

Cyber Subin เมื่อ ‘โค้ด AI’ เรียนรู้ ‘รหัสรำไทย’

Cyber Subin เมื่อ ‘โค้ด AI’ เรียนรู้ ‘รหัสรำไทย’

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนผ่านทุกอุตสาหกรรม คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ เทคโนโลยีจะเข้ามาลดทอนหรือทำลายรากเหง้าทางวัฒนธรรมหรือไม่? โครงการ “Cyber Subin” ได้ให้คำตอบที่แตกต่างออกไป ด้วยการนำเสนอแนวทางที่ไม่ได้มอง AI ในฐานะผู้มาแทนที่ แต่ในฐานะเครื่องมือ “ถอดรหัส” และ “ต่อยอด” ภูมิปัญญาดั้งเดิม สู่การสร้างสรรค์อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ไปไกลกว่าแค่การอนุรักษ์

โปรเจกต์นี้คือผลงานการทำงานร่วมกันระหว่าง พิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินนาฏศิลป์ไทยร่วมสมัย และ ผศ.ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร จาก MIT Media Lab, USA ที่ตั้งคำถามเชิงลึกว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากแก่นแท้ของนาฏศิลป์ไทยถูกแปรเปลี่ยนเป็นข้อมูลให้ AI ได้เรียนรู้ เพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และมรดกทางวัฒนธรรม

วัฒนธรรมและนวัตกรรม: สองสิ่งที่ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ผศ.ดร.พัทน์ เปิดประเด็นด้วยการเปรียบเทียบคำว่า “วัฒนธรรม” และ “นวัตกรรม” ซึ่งมีรากศัพท์ที่สื่อถึงความเจริญงอกงามและความใหม่ตามลำดับ แม้จะมีความคล้ายคลึง แต่ทั้งสองสิ่งไม่ใช่อย่างเดียวกัน การมองว่านวัตกรรมจะมาแทนที่วัฒนธรรมจึงเป็นการมองที่ผิวเผินเกินไป แต่หากมองว่าทั้งสองสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ วัฒนธรรมจะมอบจินตนาการให้นวัตกรรม ขณะที่นวัตกรรมจะนำพาวัฒนธรรมไปสู่การเติบโตในบริบทใหม่

แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการของ ไซเบอร์เนติกส์ (Cybernetics) ศาสตร์ว่าด้วยระบบการตอบสนองและควบคุม (Feedback Loop) ซึ่งไม่เพียงแต่อยู่ในเทคโนโลยีอย่างขีปนาวุธที่ติดตามเป้าหมาย แต่ยังเป็นหัวใจของการส่งผ่านวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น เช่น การที่ครูถ่ายทอดท่ารำให้ศิษย์ และศิษย์ตอบสนองเพื่อรับความรู้นั้นเข้ามาในร่างกาย นี่คือระบบไซเบอร์เนติกส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

คำถามที่ท้าทายคือ ในเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นาฏศิลป์ไทยได้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร โครงการ Cyber Subin จึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมในรูปแบบที่หยุดนิ่ง แต่ต้องการใช้เทคโนโลยีเพื่อวัฒนาวัฒนธรรมให้งอกงามและก้าวไปข้างหน้า ตอบโต้กับความท้าทายเรื่อง Algorithmic Colonization หรือการล่าอาณานิคมเชิงอัลกอริทึม ที่เทคโนโลยีซึ่งพัฒนาจากโลกตะวันตกอาจเข้ามาครอบงำวัฒนธรรมท้องถิ่น

“แฮ็กนาฏศิลป์”: ถอดรหัส DNA ท่ารำแม่บทใหญ่

หัวใจของ Cyber Subin คือการ “แฮ็ก” หรือถอดรหัสท่ารำแม่บทใหญ่อันเป็นรากฐานของนาฏศิลป์ไทย คุณพิเชษฐ กลั่นชื่นได้ใช้เวลากว่าทศวรรษในการวิเคราะห์ท่ารำทั้ง 59 ท่า จนค้นพบองค์ประกอบพื้นฐาน หรือ “ดีเอ็นเอ” ร่วมกัน 6 ประการที่ประกอบกันขึ้นเป็นความงามของนาฏศิลป์ไทย ได้แก่

1. Energy การใช้พลังงานและจุดกำเนิดของพลังงานในร่างกาย 2. Circle and Curve ความโค้งและความเป็นวงกลมที่สร้างความอ่อนช้อยงดงาม 3. Synchronized Limbs ความสัมพันธ์ของอวัยวะต่างๆ เช่น การจีบ ที่สอดประสานกันอย่างลงตัว 4. Axis Points จุดอ้างอิงในร่างกายที่การเคลื่อนไหวจะชี้ไปเพื่อสร้างโครงสร้างของท่า 5. External Body Space การใช้พื้นที่รอบตัวนักแสดง และ 6. Shifting Relations การสร้างจุดเด่นและจุดรองเพื่อนำสายตาผู้ชม

เมื่อองค์ประกอบทั้ง 6 ถูกถอดรหัสออกมาในเชิงโครงสร้างแล้ว ทีมงานโปรแกรมเมอร์จึงแปลงองค์ประกอบเหล่านี้ให้กลายเป็น “พารามิเตอร์” ทางคณิตศาสตร์ที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ทำให้นาฏศิลป์ไม่ได้จำกัดอยู่บนร่างกายมนุษย์อีกต่อไป แต่สามารถเข้าไปอยู่ในโลกดิจิทัล และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ

จากรหัสรำสู่ AI Avatar: กำเนิดท่ารำที่ไม่สิ้นสุด

เมื่อมี “ดีเอ็นเอ” ของนาฏศิลป์ไทยในรูปแบบดิจิทัลแล้ว AI จึงสามารถนำองค์ประกอบเหล่านี้มาประกอบร่างขึ้นใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด ผู้ใช้งานสามารถกำหนดสัดส่วนของแต่ละองค์ประกอบ เช่น ต้องการท่ารำที่เน้นความโค้ง (Circle and Curve) 60% และการใช้พลังงาน (Energy) 40% AI ก็จะสร้างสรรค์ท่ารำใหม่ขึ้นมาทันที โดยที่ท่ารำนั้นยังคงมี “จิตวิญญาณ” ของนาฏศิลป์ไทยอยู่ เพราะมันถูกสร้างจากดีเอ็นเอเดียวกัน

กระบวนการนี้ยังใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ชั้นสูงอย่างแคลคูลัสในการสร้างความต่อเนื่องและนุ่มนวลของการเคลื่อนไหว (Derivative) ทำให้ได้ท่ารำที่มีความอ่อนช้อยและเป็นธรรมชาติ

ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร ถอดรหัสอนาคต AI ที่ไม่ได้มาเพื่อแทนที่ แต่มาเพื่อส่งเสริม ‘ความเป็นมนุษย์’

ผลลัพธ์คือการแสดงที่นักเต้นมนุษย์สามารถร่ายรำร่วมกับ “อวตาร AI” ที่ฉายบนจอ ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวตามบทที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่เป็นการสร้างสรรค์ท่ารำใหม่ ๆ แบบเรียลไทม์ เกิดเป็นการสนทนาที่คาดเดาไม่ได้ระหว่างนักเต้นกับ AI การแสดงนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกที่ National Theater ไต้หวัน และได้เดินทางไปทัวร์ยุโรป สร้างความประทับใจในระดับนานาชาติ และเป็นตัวอย่างของการนำเสนอ Soft Power ของไทยผ่านนวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม

Cyber Subin School: ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ให้เยาวชน

นอกเหนือจากการแสดงบนเวที โครงการนี้ยังต่อยอดไปสู่ Cyber Subin School แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน โดยเฉพาะเยาวชน สามารถเข้ามาทดลองสร้างสรรค์ท่ารำของตนเองได้

พิเชษฐชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่น่ากังวลว่า ปัจจุบันมีนักเรียนมัธยมกว่า 860,000 คนที่ต้องเรียนวิชานาฏศิลป์ไทย แต่หลายคนกลับรู้สึกว่าวิชานี้ไม่สามารถนำไปต่อยอดได้ และมองว่าเป็นการเรียนแบบท่องจำซ้ำไปมา แพลตฟอร์มนี้จึงเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการเลียนแบบไปสู่การสร้างสรรค์ ช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกเป็นเจ้าของวัฒนธรรม เพราะพวกเขาสามารถใช้ดีเอ็นเอของท่ารำดั้งเดิมมาสร้างท่ารำใหม่ในสไตล์ของตัวเอง และอาจนำไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ได้ สิ่งนี้คือการทำให้วัฒนธรรมกลับมามีชีวิตอีกครั้งในยุคดิจิทัล

ท้ายที่สุด Cyber Subin ไม่ใช่แค่โครงการศิลปะที่ใช้เทคโนโลยี แต่เป็นการตั้งคำถามถึงแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ในยุค AI เป็นการพิสูจน์ว่าเราสามารถเห็น “อดีตในอนาคต” และ “อนาคตในอดีต” ได้พร้อมกัน และที่สำคัญที่สุดคือการแสดงให้เห็นว่า เราจะอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีอย่างไร เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่เราอยากเห็นในวันข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พลิกเกม AI ไทย: ถึงเวลาสร้าง ‘ต้มยำโมเดล’ อย่าวิ่งแข่งในสนามเดิม

แนะคาถา ‘ไม่กลัว-ไม่โลภ-ไม่หลง’ ทางรอดจากกลโกงออนไลน์

×

Share

ผู้เขียน