บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าใน 14 จังหวัดภาคใต้ ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการรวบรวมวัสดุเพื่อการรีไซเคิล และ บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด ผู้นำด้านการรีไซเคิลครบวงจร เปิดตัวโครงการ “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” (Southern Recycling Alliance) สร้างมิติใหม่ให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย ด้วยการริเริ่มระบบรีไซเคิลขวดพลาสติก PET แบบครบวงจร “จากขวดสู่ขวด” (Bottle-to-Bottle) ผ่านระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทย และเป็นรายแรกของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มของโคคา-โคล่าทั่วโลกที่มีระบบรีไซเคิลในรูปแบบนี้
โครงการนำร่องนี้ตั้งเป้าเก็บขวดพลาสติก PET ใช้แล้วในพื้นที่ภาคใต้ กลับมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET คุณภาพสูงสำหรับผลิตขวดใหม่ให้ได้อย่างน้อย 100 ตัน ภายในระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคใต้
วิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง
จุดเริ่มต้นของโครงการนี้ หยั่งรากลึกจากความผูกพันและความรับผิดชอบที่หาดทิพย์ ที่มีต่อภาคใต้ ซึ่งเปรียบเสมือน “บ้าน” ขององค์กร ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มในพื้นที่ พวกเขาตระหนักดีว่าหากบรรจุภัณฑ์ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะกลายเป็นปัญหาขยะที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ได้สะท้อนถึงความรู้สึกนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า “ทุกครั้งที่เห็นขยะซึ่งมีบรรจุภัณฑ์ของเราลอยอยู่ในทะเล มันบาดใจเหลือเกิน” ความเจ็บปวดนี้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้หาดทิพย์มุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ผ่านการลงทุนมากกว่า 800 ล้านบาทเพื่อฟื้นธุรกิจ “ขวดแก้ว” ชนิดใช้ซ้ำ ควบคู่ไปกับการปรับลดน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์พลาสติก (Lightweighting)
ความมุ่งมั่นนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อพิจารณาถึงความท้าทายรอบด้าน ทั้งในมิติของต้นทุนที่เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) มีราคาสูงกว่าเม็ดพลาสติกผลิตใหม่ถึงกว่า 40% และในมิติของกฎหมายที่ประเทศไทยยังไม่มีข้อบังคับให้ผู้ผลิตต้องใช้ส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลเหมือนในยุโรป การตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้จึงไม่ได้เกิดจากแรงผลักดันด้านกำไรหรือข้อกฎหมาย แต่เกิดจากพันธสัญญาและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง โดยพลตรี พัชร ย้ำว่า “เราไม่ต้องการที่จะทำโครงการขึ้นมาเพื่อเป็นราคาคุย เราต้องการลงมือทำกันอย่างจริงจัง”
โดยมีความฝันว่าโครงการนำร่องนี้จะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นแกนหลักในการจัดเก็บและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ของบริษัทในอนาคต เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ภาคใต้ซึ่งเป็นบ้านของทุกคนสะอาดและสวยงามอย่างยั่งยืน
ถอดรหัส “4×100” โมเดลซัพพลายเชนรีไซเคิลครบวงจร
หัวใจสำคัญที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้จริง คือการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์ โดยเปรียบเทียบกระบวนการทั้งหมดเสมือน “การวิ่งผลัด 4×100” ซึ่งต่างจากการทำงานในอดีตที่แต่ละฝ่ายต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง แต่ในโมเดลนี้ทุกพันธมิตรจะต้องส่งมอบ “ไม้ผลัด” (ซึ่งก็คือบรรจุภัณฑ์พลาสติก) ให้แก่กันอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่เส้นชัยแห่งความยั่งยืนร่วมกัน โดยมีขั้นตอนการทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบดังนี้
ไม้ที่ 1: อ๊อกซิเทค – ต้นทางแห่งการรวบรวมและสร้างคุณค่า การวิ่งเริ่มต้นที่ บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมขวด PET ที่ใช้แล้วจากต้นทางทั่วภาคใต้ ผ่านเครือข่ายชุมชนและคนเก็บขยะ (ซาเล้ง) ที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน กระบวนการนี้ไม่ใช่แค่การเก็บ แต่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มตั้งแต่รากหญ้า โดยมีการให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการคัดแยกขยะที่มีคุณภาพตั้งแต่ครัวเรือน หากมีการแยกขวดน้ำดื่มออกจากพลาสติกประเภทอื่นอย่างชัดเจน ก็จะได้รับราคาที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยลดภาระในการคัดแยกที่ปลายทางได้อย่างมหาศาล จากนั้น ขวดที่รวบรวมได้จะถูกนำมาบดเป็น เกล็ดพลาสติก (Flakes) คุณภาพสูง เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับไม้ต่อไป
ไม้ที่ 2: หาดทิพย์ – ผสานพลังโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) หาดทิพย์รับไม้ต่อโดยนำความแข็งแกร่งของระบบโลจิสติกส์ที่ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้ มาใช้ในรูปแบบ “โลจิสติกส์ย้อนกลับ” โดยรถขนส่งสินค้าของหาดทิพย์ที่เดินทางขึ้นมายังภาคกลางในเที่ยวกลับ จะทำหน้าที่ขนส่งเกล็ดพลาสติกจากโรงงานของอ๊อกซิเทคไปยังโรงงานของรอยส์ ยูนิเวอร์แซล โมเดลนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้รวบรวมในพื้นที่ แต่ยังทำหน้าที่เสมือนเป็น “Double Security” ที่รับประกันว่าวัตถุดิบที่รวบรวมมาได้นั้น จะถูกส่งตรงเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลตามเป้าหมายของโครงการอย่างแท้จริง
ไม้ที่ 3: รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล – ปลายทางสู่การผลิตเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง เมื่อเกล็ดพลาสติกเดินทางมาถึง บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลพลาสติกมากว่า 35 ปี จะทำหน้าที่ “อัปเกรด” วัตถุดิบเหล่านั้น ด้วยการนำมาผ่านกระบวนการและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อผลิตเป็น เม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET (rPET Pellets) ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของทั้ง Coca-Cola และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถนำกลับไปใช้ผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มได้อีกครั้ง
ไม้ที่ 4: หาดทิพย์ – ปิดลูปสู่การเป็นขวดใหม่ ในไม้สุดท้าย หาดทิพย์จะรับเม็ดพลาสติก rPET ที่ได้มาตรฐานกลับสู่โรงงานผลิตที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นขวดบรรจุเครื่องดื่มใหม่ เป็นการปิดวงจรการรีไซเคิล “จากขวดสู่ขวด” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โมเดลการทำงานร่วมกันนี้ ทำให้เกิดซัพพลายเชนที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและควบคุมคุณภาพได้ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การจัดเก็บในชุมชนไปจนถึงการกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในอดีตที่แต่ละฝ่ายทำงานแยกส่วนกัน
เทคโนโลยีและหัวใจ: พลังขับเคลื่อนจากรากหญ้า
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างและมีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างระบบทางกายภาพที่ครบวงจร แต่คือการผสาน “เทคโนโลยี” เข้ากับ “หัวใจ” เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง โดยมี ดร.เศกสันต์ อุดมศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด เป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในมิตินี้
วิสัยทัศน์นี้เกิดจากความตั้งใจส่วนตัวของ ดร.เศกสันต์ ที่ต้องการนำประสบการณ์ที่สั่งสมจากการใช้ชีวิตในต่างประเทศนานกว่า 30 ปี กลับมาพัฒนาบ้านเกิดที่จังหวัดกระบี่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนตัวเล็กในสังคม นั่นคือกลุ่มคนเก็บขยะและซาเล้ง
“โครงการนี้จะทำให้คนเก็บขยะไม่ใช่แค่คนเก็บขยะ แต่เขากำลังทำสิ่งที่คนตัวใหญ่ทำกันได้” ดร.เศกสันต์ กล่าว “เราจะ Empower ตั้งแต่รากหญ้า”
ปรัชญานี้ถูกทำให้เป็นจริงผ่านการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการได้สร้างระบบสนับสนุนชุมชนผู้รวบรวมขยะอย่างจริงจัง มีการให้ความรู้ สอนวิธีการคัดแยกที่ถูกต้อง และที่สำคัญคือการมอบสวัสดิการเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต เช่น การให้ประกันสังคมและประกันอุบัติเหตุแก่ซาเล้งที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าอาชีพนี้มีเกียรติและมีอนาคต
ในขณะเดียวกัน “เทคโนโลยี” ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งระบบ (Tracking System) โดยมีการพัฒนาระบบ Blockchain ร่วมกับคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อบันทึกข้อมูลการรับซื้อขยะทุกขั้นตอน ตั้งแต่การลงทะเบียนคนเก็บ การชั่งน้ำหนัก ไปจนถึงการจ่ายเงิน
เป้าหมายสูงสุดของเทคโนโลยีนี้คือการสร้างเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้บริโภคเข้ากับชุมชน ดร.เศกสันต์วาดฝันว่า “วันหนึ่งผมอยากจะทำให้เห็นว่า ขวดโค้กจากสมุย ถูกเก็บจากสมุย และส่งกลับไปขายที่สมุย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของคนสมุย”
ในอนาคต ผู้บริโภคอาจสามารถสแกน QR Code บนขวดเครื่องดื่ม เพื่อดูเส้นทางการเดินทางของบรรจุภัณฑ์นั้น และรับรู้ได้ว่าใครคือผู้ที่มีส่วนร่วมในการเก็บขวดใบนั้นกลับเข้าสู่ระบบ
ท้ายที่สุดแล้ว โครงการนี้จึงเป็นมากกว่าการรีไซเคิล แต่คือความพยายามที่จะเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มีต่อขยะและผู้คนที่ทำงานกับขยะ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อ “คนตัวใหญ่ให้โอกาสคนตัวเล็ก” ก็จะสามารถเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนจากฐานราก และร่วมกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่บาดลึกในใจของคนไทยมาอย่างยาวนาน
ความฝันที่ไกลกว่า: จากโครงการนำร่องสู่อนาคตที่ยั่งยืน
แม้โครงการ “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” จะเริ่มต้นในฐานะโครงการนำร่อง (Pilot Project) ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการผลิตเม็ดพลาสติก rPET ให้ได้อย่างน้อย 100 ตัน ภายในเดือนมิถุนายน 2569 แต่ทว่าวิสัยทัศน์และความฝันของเหล่าพันธมิตรนั้นไปไกลกว่านั้นมาก โดยมองว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกบนเส้นทางสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
นันทิวัต ธรรมหทัย รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมไม่ค่อยชอบคาดหวัง แต่ผมชอบฝัน” ซึ่งความฝันที่เขาวาดไว้มีหลายระดับขั้นด้วยกัน
ฝันขั้นแรก: จากโครงการนำร่องสู่แกนหลักขององค์กร ความฝันที่ใกล้ที่สุด คือการทำให้โมเดลนี้เติบโตจากการเป็นเพียงโครงการนำร่อง ไปสู่การเป็น “แกนหลัก” ของระบบการจัดการบรรจุภัณฑ์ของหาดทิพย์อย่างถาวร เพื่อให้มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์ที่บริษัทผลิตออกไป จะถูกดึงกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
ฝันขั้นที่สอง: ขยายผลไปสู่วัสดุรีไซเคิลประเภทอื่น ด้วยศักยภาพของพันธมิตรอย่าง รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล ที่ไม่ได้จำกัดการรีไซเคิลอยู่แค่ขวด PET แต่ยังสามารถแปรรูปพลาสติกประเภทอื่น ๆ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงได้ เช่น เก้าอี้, ไม้เทียม หรือแม้กระทั่งผนังตกแต่ง ทำให้เกิดความฝันที่จะขยายขอบเขตของโครงการให้ครอบคลุมพลาสติกและขยะประเภทอื่น ๆ ที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมของภาคใต้ เพื่อเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “สินทรัพย์” (Asset) ที่มีคุณค่า
ฝันขั้นสูงสุด: จากพันธมิตร 3 บริษัท สู่เครือข่ายทั่วประเทศไทย ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการเห็นเครือข่ายความร่วมมือนี้เติบโตและขยายวงกว้างออกไป “อาจจะไม่ใช่แค่พันธมิตร 3 บริษัทนี้ แต่อาจจะมีลูกค้าร้านค้าของเราอยากจะมาช่วย หรือมีบริษัทอื่นอยากจะเข้ามาร่วม” นันทิวัตกล่าว และมองไกลไปถึงขั้นที่ว่า “อาจจะเอาคำว่า ‘ภาคใต้’ ออกไป แล้วเอาคำว่า ‘ประเทศไทย’ เข้ามาแทน เพื่อให้ผลกระทบมันกว้างขึ้น”
ความฝันเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเพียงโครงการระยะสั้น แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศแห่งความยั่งยืน ที่พร้อมจะเติบโตและเปิดรับพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สะอาดและน่าอยู่ให้กับประเทศไทยอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AI ดันซินเน็คโตไม่หยุด ทุบสถิติรายได้ครึ่งปีแรก 2.28 หมื่นล้านบาท
LINE MAN Wongnai บุกสมรภูมิใหม่ คว้า JERA Cloud คุมตลาดเทคฯ ความงาม