บนเส้นทางลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภัยคุกคามที่มองไม่เห็นยังคงเป็นฝันร้ายของทหารไทยเสมอมา นั่นคือ “ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2” อาวุธสงครามที่ถูกลักลอบนำมาวางไว้ ได้สร้างความสูญเสียและบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยมานับไม่ถ้วน แต่บัดนี้ ด้วยความร่วมมือจากสองหน่วยงานสำคัญของประเทศ นวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับภัยเงียบนี้โดยเฉพาะก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
โครงการนี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ของคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 (วปอ.67) ที่ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเพื่อนทหารหาญ จึงได้ระดมความคิดและใช้เครือข่ายที่มีอยู่หารือร่วมกับกรมการทหารช่าง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม จนนำไปสู่การจับมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานวิจัยชั้นนำของประเทศ เพื่อเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง
ผลลัพธ์คือ “ต้นแบบรถขุดตักดัดแปลงทำลายทุ่นระเบิด PMN-2 สำหรับภูมิประเทศซับซ้อนสูงในพื้นที่ชายแดน” ซึ่งได้ทำพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการให้แก่กรมการทหารช่าง กองทัพบก เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เพื่อนำไปใช้ในภารกิจป้องกันประเทศต่อไป
พลตรีเสด็จ อาคะจักร ประธานนักศึกษา วปอ.67 กล่าวว่า “นักศึกษา วปอ.67 เล็งเห็นถึงปัญหาที่พี่น้องทหารต้องบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะจากการเหยียบกับระเบิด PMN-2 เราจึงมุ่งมั่นที่จะหาแนวทางพิทักษ์กำลังรบของไทย โดยร่วมมือกับ สวทช. ในการออกแบบรถต้นแบบที่สามารถเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงและทำลายทุ่นระเบิดได้ เพื่อลดอันตรายและปกป้องกำลังพลของกองทัพ”
นวัตกรรมจากห้องวิจัยสู่สมรภูมิจริง
เบื้องหลังความสำเร็จของรถต้นแบบคันนี้ คือองค์ความรู้ทางวิศวกรรมขั้นสูงและเทคโนโลยีวัสดุจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ภายใต้การนำของ ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ หัวหน้าทีมวิจัย
ศาสตราจารย์ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. และในฐานะนักศึกษา วปอ.67 ได้อธิบายถึงหัวใจของนวัตกรรมนี้ว่า ทีมวิจัยได้พลิกโฉมรถขุดดินขนาดเล็ก 3.5 ตัน ที่มีความคล่องตัวสูงในพื้นที่ทุรกันดาร ให้กลายเป็นเครื่องมือทำลายทุ่นระเบิดที่ทรงประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนคือ
- ชุดเกราะเสริมความปลอดภัย: ห้องคนขับถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยเกราะที่ผลิตจาก เหล็กกล้าความแข็งแรงสูง S700 ความหนา 12 มิลลิเมตร ซึ่งผ่านการคำนวณและจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Simulation) เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทนทานต่อแรงดันจากการระเบิดและคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานได้อย่างสูงสุด
- ชุดหัวกดทำลายทุ่นระเบิด (Landmine Punching Destroyer): เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมี “ก้านกด” ที่ทำจากเหล็กกล้าปานกลางผ่านการอบชุบทางความร้อน (มีความแข็งแรงระดับ Yield Strength 720 MPa) ถูกออกแบบให้เป็นแท่งเกลียว (Stud Bolt) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 28.5 มิลลิเมตร ทำให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายหากเกิดการชำรุดในสนามจริง นอกจากนี้ การออกแบบยังยกให้ก้านกดมีระยะห่างจากพื้นดินในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยระบายแรงอัดจากการระเบิดออกด้านข้าง ลดความเสียหายต่อตัวรถ
- กระบวนการพัฒนาที่รวดเร็วและแม่นยำ: ด้วยการใช้เทคโนโลยีการออกแบบ 3 มิติ (3D Design) และการจำลองทางคอมพิวเตอร์ ทำให้ทีมวิจัยสามารถพัฒนาและผลิตรถต้นแบบนี้ได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาชีวิตของทหารไทย แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติได้อย่างแท้จริง โดยทาง สวทช. ยินดีมอบพิมพ์เขียว (Blue Print) ให้แก่กองทัพ เพื่อนำไปต่อยอดผลิตและพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการสร้างเครื่องมือโดยคนไทย เพื่อคืนความปลอดภัยให้แก่ผืนดินและชีวิตของคนไทยตามแนวชายแดนต่อไป
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ถอดรหัส ‘Smishing’ กลลวง SMS ยอดฮิตเผยเทคนิคมิจฉาชีพใช้ AI หลอกดูดเงิน
KBTG-IBM-Meta เปิดตัว AI Alliance Thailand ตั้งเป้าสร้างมาตรฐาน AI ที่น่าเชื่อถือ