Share on
×

Share

จุดยืนไทย เมื่อ ‘โดนัล ทรัมป์’ คัมแบ็ค

จุดยืนไทย เมื่อ 'โดนัล ทรัมป์' คัมแบ็ค

ทุกวันนี้สปอร์ตไลท์จากทั่วทุกมุมโลกพากันจดจ้องไปยังทำเนียบขาว หลังจากอดีตประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ พรรครีพับริกัน พิชิตชัยชนะเหนือ กามาลา แฮรีส พรรคเดโมแครตถล่มทะลายเหนือความคาดหมาย ได้เข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2

คงจำกันได้ โดนัล ทรัมป์ เข้าทำเนียบขาวสมัยแรกด้วยนโยบาย “Make America Great Again”ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ปีนี้ 2024 กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ด้วยนโยบายคล้าย ๆ เดิม “Make America Great Once Again” มีความหมายว่าทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกัน

หากย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ โดนัล ทรัมป์ใช้นโยบาย “Make America Great Again” เป็นอาวุธสำคัญในการ ก่อสงครามการค้ากับจีน ด้วยขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ได้ทำลายระบบการค้าเสรี Globalization ด้วยนโยบาย deglobalization เท่ากับทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ได้ทำลายห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี ก่อสงครามการค้า สงครามเย็นทางเทคโนโลยี โดยอ้างความมั่นคงของสหรัฐฯ ทำให้โลกต้องแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งการเมือง การค้า สังคม และเทคโนโลยี

นโยบาย deglobalization ของโดนัล ทรัมป์ได้รับการกล่าวถึงค่อนข้างมาก ในแง่ที่เป็นความเสี่ยงต่ออนาคตของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังจากที่สหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่หนึ่งของโลก สนับสนุนให้บริษัทสัญชาติอเมริกันกลับมาผลิตสินค้าในประเทศ และกีดกันการค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าจากจีน

เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมารอบใหม่ ด้วยนโยบาย Make America Great Once Again นั่นเท่ากับหนังม้วนเดิมได้กลับมาอีกครั้ง แต่จะมีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและทุกประเทศทั่วโลกแน่นอน

นโยบายภาษีที่จะมีผลทันทีที่ โดนัล ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศในอัตรา 10–20% จากอัตราเฉลี่ย 3% ในปัจจุบัน แต่จีนกระอักหน่อยเพราะจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 60% จากอัตราเฉลี่ย 20% ในปัจจุบัน

รัฐบาลและนักธุรกิจไทยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่าลืมว่าสหรัฐเป็นตลาดสินค้าส่งออกสำคัญของไทย จะเตรียมรับมือรวมถึงจะมีวิธีเจรจาต่อรองอย่างไร เมื่อสินค้าไทยจะต้องโดนเก็บภาษีนำเข้า 10-20% แม้จีนจะโดนภาษี 60% อย่าฝันหวานว่าส่งออกไทยจะได้ประโยชน์ เนื่องจากสินค้าไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถทดแทนสินค้าจีนในสหรัฐได้

ตรงกันข้าม ไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากกรณีจีนผลิตสินค้าแล้วส่งออกไปยังสหรัฐไม่ได้ จะไหลทะลักย้อนกลับมาบุกตลาดอาเซียนโดยเฉพาะไทย ซึ่งทุกวันนี้ผู้ประกอบการไทยต้องปิดตัวลงจากกรณีที่โดนสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดในประเทศอยู่แล้ว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีรายงานว่า บริษัทต่างชาติในจีนกว่า 400 บริษัท กำลังหาทางโยกย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งอาเซียนได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะไม่ไกลจากจีน ไม่มีข้อพิพาทกับใคร เฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่คาดว่าจะมีการลงทุนโดยตรงเพิ่มจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง53% เป็นเงิน 7.6 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว

จึงต้องจับตาดูว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตครั้งนี้หรือไม่ หรือเขาแค่เลี่ยงมาใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของไทยแทน ซึ่งสหรัฐอาจจะเหมารวมใช้มาตรการรุนแรงกับสินค้าส่งออกจากไทยเช่นเดียวกับที่ใช้กับจีน

ยิ่งมีข่าวแพลมออกมาว่า โดนัล ทรัมป์ กำลังทาบทาม “โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าสหรัฐ ตอนที่ทรัมป์ เริ่มทำสงครามการค้ากับจีนในสมัยที่เป็นประธานธิบดีครั้งแรก ให้กลับมารับตำแหน่งนี้อีกครั้ง ดังนั้นการันตีว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนน่าจะดุเดือดไม่น้อยกว่าเดิมแน่ ๆ

อดีตประเทศไทยที่เคยเป็นพันธมิตรกับสหรัฐมาอย่างยาวนานแต่ตอนหลังๆถูกมองว่า และนโยบายต่างประเทศและการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนของไทย มีแนวโน้มเอียงข้างไปทางจีน ไปพึ่งพาเศรษฐกิจจีนและทุนมากจนเกินไป  จนกล่าวกันว่า ไทยเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ตรงนี้อาจทำให้สหรัฐเกิดความกังวลได้

ในยุคโดนัล ทรัมป์ คัมแบ็ค ไทยอาจจะต้องกลับมาทบทวนนโยบายใหม่ ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง ต้องทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นมิตรที่ดีกับสหรัฐ ตราบใดที่ไทยยังพึ่งพาจีนแต่ฝ่ายเดียว สหรัฐก็จะไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ

ที่ผ่านมาหลังจากเกิดความขัดแย้งทางการเมือง เกิดสงครามสี มีการดึงการเมืองในประเทศไปยึดโยงกับจีนและสหรัฐ โดยเฉพาะกล่าวหาว่าสหรัฐหนุนอีกฝ่าย จะมาแสวงหาประโยชน์จากไทยวาดภาพจนน่ากลัว จนทำให้ไทยสหรัฐต้องห่างเหิน สะท้อนจากเมื่อคราว ‘โจ ใบเดน’ เยือนอาซียนบินข้ามหัวไทย ไม่เห็นอยู่ในสายตา

ขณะเดียวกันไทยก็ปล่อยให้จีนเข้ามาครอบงำทางเศรษฐกิจทั้งบนดิน ใต้ดิน อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ มีทั้งกลุ่มทุนจีนขาวเข้ามาทำธุรกิจแข่งขันกับธุรกิจคนไทยมาทุ่มตลาด ขายตัดราคา จนธุรกิจคนไทยเจ้งระเนนระนาด กลุ่มจีนเทา ก็เข้ามาหลอกลวงคนไทย แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน  สร้างความเสียหายเศรษฐกิจของไทยมหาศาล

สิ่งที่น่ากลัวของโดนัล ทรัมป์ คือ การเดาใจไม่ถูกว่า เขาคิดอะไรจะทำอะไร เมื่อไหร่ ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องกำหนด ยุทธศาสตร์เรื่องนี้อย่างจริงจังและชัดเจน ว่าจะรักษาสมดุลทั้งสหรัฐกับจีนอย่างไร โดยไม่เอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะทำอย่างไรให้สหรัฐกลับสนใจ พร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนที่มีคุณภาพในไทย และจะทำอย่างไรที่จะสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศจีนในเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่ปล่อยให้หาผลประโยชน์อย่างที่เป็นอยู่

ยุทธศาสตร์ของเราจะต้องคบได้ทั้งตะวันออกอย่างจีนและตะวันตกอย่างสหรัฐ หากไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรลองดูสิงคโปร์และเวียดนามเป็นตัวอย่าง

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ปอกเปลือก “ทักษิโณมิกซ์”

อย่าเล่นกับไฟ

พลิกตำนานแชร์ลูกโซ่ “มหากาพย์ลวงโลก”

×

Share