อุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ซึ่งเทคโนโลยีล้ำสมัยและความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในอนาคต
ภาครัฐ-เอกชนผนึกกำลังสร้าง Ecosystem พลังงานสะอาด
จีรภา คงสว่างวงศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจและการตลาด บริษัท กรีน เยลโล ประเทศไทยได้ให้มุมมองว่า การเติบโตของภาคพลังงานในอนาคตจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ โดยชี้ให้เห็นว่าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับปัจจุบันยังสะท้อนให้เห็นว่ากำลังการผลิตไฟฟ้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เรามองเห็นโอกาสในการเข้าไปสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน” จีรภา กล่าว
นอกจากการทำงานร่วมกับภาครัฐแล้ว ยังมีการขยายขอบเขตไปยังภาคธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม (Hospitality) รวมถึงสถาบันการศึกษา ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้พลังงานสูงและมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น แนวทางดังกล่าวไม่ใช่แค่การเติบโตขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นการสร้าง Ecosystem ที่ทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
เทคโนโลยี Game Changer พลิกโฉมอุตสาหกรรมพลังงาน
ในมิติของเทคโนโลยี เผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ รองประธานฝ่ายธุรกิจ เพาเวอร์ โพรดักส์ ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า เทคโนโลยีที่จะเป็น “Game Changer” สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานสะอาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ประการแรกคือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดจากการมุ่งเน้นเพียง “การลด” การใช้พลังงาน ไปสู่ “การบริหารจัดการ” ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแบบเรียลไทม์ โดย AI จะเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจและสั่งการระบบได้ทันที ช่วยลดต้นทุนและสร้างเสถียรภาพให้ระบบไฟฟ้า
ประการต่อมาคือ ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ซึ่งจะเข้ามาแก้ไขข้อจำกัดของพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง หัวใจสำคัญคือการทำให้ระบบสามารถสื่อสารกับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid) เพื่อบริหารจัดการการอัดและคายประจุให้สอดคล้องกับความต้องการของระบบและอัตราค่าไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมที่สุด
และสุดท้ายคือ แพลตฟอร์มดิจิทัล (Digitalization Platform) ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
มุมมองผู้ใช้งาน: สร้างสมดุลระหว่าง “ธุรกิจ” และ “ความยั่งยืน“
เอ สัจเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟีน่า แอสเซ็ท จำกัด ผู้ประกอบการในกลุ่มโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ได้นำเสนอมุมมองของผู้ใช้งานเทคโนโลยีพลังงานสะอาด โดยยอมรับว่าการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมต้นทุนทางธุรกิจและการลงทุนด้านความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ท้าทาย
“การนำพลังงานสะอาด (Green Energy) มาใช้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการลดต้นทุนที่เราคาดหวัง แต่ยังเป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ที่เราภาคภูมิใจ” เอกล่าว
เขามองว่า การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเป็นการสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจโรงแรมที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมือง การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดจึงเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบและสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมโดยรวม
อนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานไทยจะถูกขับเคลื่อนด้วยการทำงานร่วมกันเป็นระบบนิเวศระหว่างภาครัฐและเอกชน การนำเทคโนโลยี AI และระบบกักเก็บพลังงานมาปรับใช้อย่างชาญฉลาด และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้คือแนวทางที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานและการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศในระยะยาว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เบื้องหลังความฉลาด AI: ถอดรหัสต้นทุนความเสี่ยง และความจริงที่องค์กรต้องเผชิญ
ผู้เชี่ยวชาญ MIT หนุนใช้ดาวเทียมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม