ในโลกยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าไม่หยุดยั้ง การค้นหา “บ้าน” สักหลังที่ตอบโจทย์ชีวิต กลับกลายเป็นภารกิจที่ซับซ้อนและกระจัดกระจายอย่างน่าเหลือเชื่อ นี่คือจุดกำเนิดของ “น่าอยู่” (NaYoo) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์สัญชาติไทย ที่ถือกำเนิดขึ้นจากความเข้าใจใน Pain Point ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอย่างลึกซึ้ง นำโดยสองพลังสำคัญ ภัคณัฎฐ์ บุญเชิดชัยยันต์ (Co-founder & CEO) และ พชร ฉัตรชินอ่อน (Co-founder & COO) ผู้มองเห็นช่องว่างขนาดใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งยังขาดศูนย์กลางข้อมูลที่ครบวงจร น่าเชื่อถือ และเข้าถึงง่ายอย่างแท้จริง
จาก Pain Point สู่แรงบันดาลใจ ‘น่าอยู่’
เรื่องราวของ ‘น่าอยู่’ ไม่ได้เริ่มต้นจากห้องประชุม แต่จากประสบการณ์ตรงอันแสนท้าทายของผู้ก่อตั้งเอง การตะลุยหาบ้านที่เต็มไปด้วยความสับสน ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส และแพลตฟอร์มเดิมๆ ที่ยังเกาไม่ถูกที่คัน ประสบการณ์ส่วนตัวที่กลายเป็น “Pain Point” อันเจ็บปวดนี้เอง คือเชื้อเพลิงชั้นดีและแรงบันดาลใจอันแรงกล้าในการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มที่แตกต่าง
“ในประเทศไทยมีแพลตฟอร์มหาซื้อบ้านมากกว่า 200 เว็บไซต์ ยังไม่รวมช่องทางโซเชียลมีเดียและกลุ่มเฟซบุ๊กอีกนับพันนับหมื่นกลุ่ม ข้อมูลกระจัดกระจายจนเรารู้สึกไม่มั่นใจ ต่างจากตอนหาโรงแรมที่เรามีแพลตฟอร์มเฉพาะทางไม่กี่แห่งที่มั่นใจได้ว่าข้อมูลครบ” ภัคณัฎฐ์สะท้อนความรู้สึกที่จุดประกายความคิดในการสร้าง “น่าอยู่”
ขณะที่พชรเสริมถึงภาพความเป็นจริงในพื้นที่ต่างจังหวัดว่า “ก่อนหน้านี้ไม่มีตัวกลางที่ทำให้ผู้คนใน ecosystem ของที่อยู่อาศัยได้มาเจอกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่คนต้องใช้เวลา 6-12 เดือนตระเวนขับรถหาบ้าน ทำลิสต์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเอง”
‘น่าอยู่’: สร้างสุขให้การหาบ้าน
ด้วยความเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้จากประสบการณ์ของตนเอง จึงนำไปสู่ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้กับผู้อื่น “น่าอยู่” จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นคำตอบ เป็นพื้นที่ที่รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้คนหาบ้านสามารถตัดสินใจซื้อบ้านได้อย่างมั่นใจและตรงตามความต้องการที่สุด ชื่อ ‘น่าอยู่’ เองก็สื่อความหมายถึง “ความน่าอยู่อาศัย” หรือ “ความสุขในการพักพิง” อย่างตรงไปตรงมา ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน ชื่อนี้จึงเป็นดั่งพันธกิจหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และเป็น DNA ที่แทรกซึมอยู่ในทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กรและการดูแลลูกค้า
พชรกล่าวอย่างเห็นภาพว่า “เราอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าการหาบ้านเป็นเรื่อง ‘น่าอยู่’ จริง ๆ มันคือความสุข ความสบายใจ และความมั่นใจว่าจะได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิต” และ ‘น่าอยู่’ ไม่ได้ตั้งเป้าเพียงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แต่ต้องการที่จะเป็นผู้นำในตลาด ปฏิวัติอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ ทำให้การค้นหา ซื้อ ขาย หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นเรื่องง่าย โปร่งใส และน่าพึงพอใจสำหรับทุกคน
เส้นทางของ “น่าอยู่” เริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อภัคณัฎฐ์และพชรเข้าร่วมโครงการ “Zero to One” ของ SCG ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพ SCG ให้เวลา 1 ปีในการทดสอบไอเดียและ Prototype และจุดเปลี่ยนสำคัญคือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สวนกระแส ด้วยทรัพยากรที่จำกัด พวกเขาเลือกที่จะไม่เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ แต่ปักหมุดหมายแรกที่ “ขอนแก่น”ภัคภัคณัฎฐ์เล่าถึงเหตุผลว่า “ขอนแก่นเป็นเมืองที่ประชากรพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป Pain Point ชัดเจน และแพลตฟอร์มคู่แข่งไม่มากเท่ากรุงเทพฯ ประกอบกับผมมีครอบครัวที่ขอนแก่นและพชรก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว จึงเป็นโชคสองเด้งที่ทำให้การทดลองโมเดลธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น”
พันธกิจ: “แก้ปัญหา” และ “สร้างประสบการณ์”
วิสัยทัศน์แรกเริ่มของ “น่าอยู่” นั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง พวกเขาไม่ได้มองตนเองเป็นเพียงบริษัทเทคโนโลยีที่สร้างซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน แต่เป็น “ผู้แก้ปัญหา” (problem solver) และ “ผู้สร้างประสบการณ์” (experience creator) ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ “เราต้องการเป็นแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลครบและอัปเดต จนผู้ใช้งานรู้สึกว่าดูที่นี่ที่เดียวแล้วเพียงพอ สโลแกนแรกคือ ‘หาที่อยู่ คิดถึงน่าอยู่’” ภัคณัฎฐ์กล่าว
แน่นอนว่าการสร้างแพลตฟอร์มไม่ใช่เรื่องง่าย ความท้าทายหลักคือ “ทำยังไงให้ข้อมูลมันครบที่สุดและอัปเดต” ซึ่งเปรียบเหมือนการสร้างตลาดให้คึกคัก มีทั้งพ่อค้าแม่ค้า (Supply) และคนเดิน (Demand) เยอะ ๆ “พอเราบอกจะทำแพลตฟอร์มที่อยู่อาศัย คำถามแรกคือ ‘มันมีอยู่แล้วนี่ ตั้ง 200-300 เว็บไซต์ จะไปทำอะไรที่เขามีกันอยู่ทำไม’ จุดนี้ทำให้หลายคนถอย แต่เราอยู่ในตลาด เราเข้าใจ Pain Point จริง ๆ” ภัคณัฎฐ์เล่าถึงแรงต้านในช่วงแรก การพิสูจน์ตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาต้องทำให้เห็นว่าโมเดลของ “น่าอยู่” สามารถแก้ปัญหาได้จริงและขยายผลได้ การฝ่าด่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นของ SCG จาก 50-60 ทีมเหลือเพียง 2 ทีม และการยืนหยัดดำเนินธุรกิจด้วยตัวเองกว่า 3 ปีก่อนได้รับการระดมทุน คือบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดา
สูตรโตเร็ว: พลังเครือข่ายพันธมิตร
จากจุดเริ่มต้นที่ขอนแก่น “น่าอยู่” ได้ขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 10 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาประมาณ 3 ปี สร้างปรากฏการณ์ด้วยจำนวนผู้ใช้งานสะสมมากกว่า 8 ล้านราย และสามารถติดตามยอดจองได้มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทหรือมากกว่า 2,000 ยูนิต ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มาจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร พชรอธิบายโมเดลนี้ว่า “เรามีโมเดลในการขยายตัวที่ทำให้ข้อมูลครบและสมบูรณ์ โดยเราไม่ได้ทำเองทั้งหมดในแต่ละจังหวัด แต่ไปหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นผู้ที่รู้จักพฤติกรรมคนหาที่อยู่ในจังหวัดนั้น ๆ และมีคอนเนคชั่นในการเข้าถึงข้อมูลได้เก่งกว่าเรา แล้วมาทำงานร่วมกัน พาร์ตเนอร์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดนั้น ๆ “น่าอยู่” พัฒนาแพลตฟอร์มและ Know-how ส่วนพาร์ตเนอร์ดูแลการดำเนินงานในพื้นที่ ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ “น่าอยู่” ยังได้พัฒนา “บ้านพร้อม” (Baan Prom) แพลตฟอร์มน้องใหม่ที่แยกออกมาเพื่อสนับสนุนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ พชรอธิบายว่า “เมื่อ ‘น่าอยู่’ เป็นที่รู้จัก คนหาบ้านจะมองเราเป็นที่ปรึกษา แต่เรามีกำลังพลไม่พอที่จะดูแลทุกคนได้ ‘บ้านพร้อม’ จึงเกิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงผู้หาบ้านกับเอเจนต์ที่มีศักยภาพ โดยรายได้จะมาจากค่าคอมมิชชั่นเมื่อเกิดการขาย” และเพื่อให้เข้าถึงผู้คนอย่างรอบด้าน กิจกรรมออฟไลน์อย่าง “มหกรรมบ้านและคอนโด” ที่ “น่าอยู่” จัดขึ้นในหลายจังหวัด ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น และนำเสนอดีลที่ดีที่สุดให้กับผู้ซื้อ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หัวใจแพลตฟอร์ม: เทคโนโลยี โปร่งใส เข้าใจผู้ใช้
หัวใจสำคัญของ ‘น่าอยู่’ คือการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานอย่างตรงจุด ภัคณัฎฐ์อธิบายวิสัยทัศน์เพิ่มเติมว่า “เราอยากให้ ‘น่าอยู่’ เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การหา ซื้อ ขาย หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นเรื่องง่าย โปร่งใส และน่าพึงพอใจสำหรับทุกคน เราต้องการสร้างเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ และที่สำคัญคือสร้างชุมชนที่เกื้อกูลกันในการตัดสินใจเรื่องบ้าน” ทั้งภัคณัฎฐ์และพชรย้ำว่าพวกเขาคือ “ผู้แก้ปัญหา” และ “ผู้สร้างประสบการณ์ที่ดี” ในโลกอสังหาริมทรัพย์ จุดเริ่มต้นจากความเข้าใจในความยากลำบากของผู้บริโภค กลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงวงการนี้ไปตลอดกาล
แพลตฟอร์มของ ‘น่าอยู่’ มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่ ระบบค้นหาอัจฉริยะ (Smart Search) ที่ช่วยให้การค้นหาทรัพย์สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, การแสดงข้อมูลเชิงลึกของทำเลที่ตั้ง (Neighborhood Insights) ซึ่งให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ครอบคลุมมากกว่าแค่ตัวทรัพย์สิน, และ ระบบเปรียบเทียบราคาที่โปร่งใส (Transparent Pricing)”เราคิดเสมอว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร” พชรกล่าวถึงหัวใจในการพัฒนา “เราจึงออกแบบฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์พวกเขามากที่สุด” นอกจากนี้ ‘น่าอยู่’ ยังมีบริการให้คำปรึกษาเบื้องต้นผ่าน AI Chatbot ที่สามารถตอบคำถามและให้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเชื่อมโยงผู้ใช้งานกับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านการคัดเลือกและรับรองจากบริษัทฯ การผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับบริการที่ยังคงต้องการการมีส่วนร่วมของมนุษย์ สะท้อนแนวทางการให้บริการที่ครบวงจร
กลุ่มเป้าหมายหลักคือคนรุ่นใหม่ Millennials และ Gen Z ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและต้องการความรวดเร็ว รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อบ้านครั้งแรกที่ต้องการข้อมูลและการสนับสนุน “เราเข้าใจดีว่าการซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ เราจึงอยากทำให้กระบวนการนี้ง่ายและมั่นใจที่สุดสำหรับพวกเขา” พชรกล่าว แต่สิ่งที่ทำให้ ‘น่าอยู่’ โดดเด่นอย่างแท้จริง คือความมุ่งมั่นในเรื่อง ความโปร่งใสของข้อมูล “นี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด” พชรเน้นย้ำ “เราพยายามรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนที่สุด และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ไม่มีหมกเม็ด” และนวัตกรรมที่เป็นเหมือนลายเซ็นของ ‘น่าอยู่’ ก็คือ ‘น่าอยู่ Score’ “มันคือระบบการให้คะแนนคุณภาพที่พักอาศัย ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เปรียบเทียบและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราอยากให้เขามั่นใจว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด” การสร้างเครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่าง แต่ยังเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน และทั้งหมดนี้คือการพยายามสร้าง “ระบบนิเวศแห่งความไว้วางใจ” (Ecosystem of Trust) ขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven Insights) เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับผู้บริโภค (Empowering Consumers)
สองพลัง Co-Founders: วิสัยทัศน์ผสานปฏิบัติการ
เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือวิสัยทัศน์และความสามารถของสองผู้ก่อตั้ง ภัคณัฎฐ์ ในฐานะ CEO คือผู้กำหนดทิศทางและวางกลยุทธ์หลัก มองเห็น Pain Point ตั้งแต่ต้น และริเริ่มโมเดลธุรกิจที่เน้นการสร้างพันธมิตร น้ำเสียงของเขาสะท้อนความมุ่งมั่น “เราต้อง Balance ตัวเองให้ดี คนทำ Startup โดยส่วนใหญ่ต้องมีความดื้อนิด ๆ ในตัว เพราะเราต้องเชื่อมั่นอะไรบางอย่างแล้วเราต้องไปให้ถึง แต่ระหว่างทางเนี่ยเราต้องเปิดรับฟังด้วย”
ขณะที่พชร ในฐานะ COO คือผู้ที่นำวิสัยทัศน์มาแปลงเป็นการปฏิบัติการที่จับต้องได้ ให้ความสำคัญกับการสร้าง Customer Journey ที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่ออนไลน์สู่ออฟไลน์ สโลแกน “Good Choice, Good Deal” ที่ “น่าอยู่” ใช้ในปัจจุบัน ก็สะท้อนความมุ่งมั่นนี้ของเขา “ความท้าทายที่หนักที่สุดคือการแก้ปัญหาให้กับผู้ที่หาบ้าน เราต้องต่อ Journey ของเขา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้ครบลูป” ประสบการณ์จากการทำงานใน SCG ทั้งในส่วนวิศวกรรมและการวางระบบของพชร ถูกนำมาปรับใช้ในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับ “น่าอยู่” “เราพยายามที่จะทำเป็น Data กลางให้ทุก ๆ คนสามารถที่จะใช้ประโยชน์จาก Data นี้ได้” พชรกล่าวถึงการใช้ Big Data
ภัคณัฎฐ์และพชรอาจมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่ความแตกต่างนั้นกลับกลายเป็นพลังที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ภัคณัฎฐ์เล่าถึงการทำงานร่วมกันว่า “ผมเคยทำงานกับพชรมาก่อนแล้วเราก็เจอ เฮ้ย น้องคนนี้เขาเก่งมากเลย” เคมีที่ตรงกันและความไว้วางใจคือรากฐานสำคัญ วิสัยทัศน์ของภัคณัฎฐ์ที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยให้เป็นเบอร์หนึ่ง และขยายไปสู่ตลาดอาเซียน ได้รับการสนับสนุนจากการระดมทุน Pre-series A จำนวน 40 ล้านบาท NVEST Venture กองทุนภายใต้ธนาคารออมสินและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท ออลคอนวัน จำกัด (Allkons One) แพลตฟอร์มซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้าง และบริหารจัดการออนไลน์ครบวงจร โดยภัคณัฎฐ์เน้นว่า “เรามีวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายเห็นภาพเดียวกันกับนักลงทุน”
ปรัชญาในการบริหารทีมของพชรคือ “วันนี้เราทำของใหม่ ของใหม่ทุกอย่างมันมีอุปสรรค มันเฟลอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญเราต้องอธิบายให้คนที่อยากให้เขาเข้าใจเนี่ย เข้าใจหรือ Get ในสิ่งนี้ให้ได้” ขณะที่ภัคณัฎฐ์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ย่อท้อ “อะไรที่มันต้องได้ มันก็ต้องได้ หรือไม่ได้ ไม่ได้ครับ ไม่ได้ก็ต้องเอาให้ได้”
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ “น่าอยู่” ได้แก่ ความเข้าใจใน Pain Point อย่างแท้จริง โมเดลธุรกิจที่แตกต่างและเน้นพาร์ตเนอร์ การผสานออนไลน์และออฟไลน์อย่างสมบูรณ์ การใช้ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจ และความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและส่งเสริมกันของภัคณัฎฐ์และพชร
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำตามฝัน พชรฝากข้อคิดว่า “สิ่งสำคัญคือเป้าหมายที่เราจะเป็นต้องชัดเจน และต้องสามารถเล่าเป้าหมายนี้ให้กับทีมงานได้เห็นภาพเดียวกัน ทีมจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน” ส่วนภัคณัฎฐ์เชียร์สุดใจว่า “ฝันให้ใหญ่ไปเลยครับ Think Big ก่อนเลย ไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะถ้าเราคิดเล็ก ๆ ทำเล็ก ๆ กับทำใหญ่ๆ มันอาจจะแตกต่างเหนื่อยต่างกันซักสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ผลลัพธ์มันแตกต่างกัน”
อนาคต ‘น่าอยู่’: จากทั่วไทยสู่อาเซียน
“น่าอยู่” ไม่ได้หยุดความฝันไว้เพียงเท่านี้ เป้าหมายต่อไปคือการขยายให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศภายในปี 2570และบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2572 ภัคณัฎฐ์กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่พัฒนาขึ้นว่า “เราเห็นว่าผู้ชนะในแต่ละอุตสาหกรรมในประเทศไทยเริ่มมีผู้ชนะที่ชัดเจน และบางทีไม่ใช่ของคนไทย เราเลยตั้งคำถามว่า เป็นไปได้ไหมว่าถ้าเป็นแพลตฟอร์มอสังหา เป็นของคนไทยได้หรือเปล่า”
สำหรับผู้ใช้งาน พชรให้คำมั่นอย่างหนักแน่นว่า “เราเกิดมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับทั้งผู้ซื้อกับผู้ขาย ได้มาเจอกันได้ไวที่สุด เราอยากที่จะทำให้คนไทยทั้งประเทศได้ใช้แพลตฟอร์มของคนไทย เรามีความตั้งใจในการที่จะช่วยให้คนไทย ถ้าอยากเปลี่ยนที่อยู่อาศัยในทุกโหมด ไม่ต้องหาอีกหลายแพลตฟอร์มแล้ว ‘น่าอยู่’ ต้องการสร้างสิ่งนี้มาช่วยคนไทย เพื่อให้ได้บ้านที่น่าอยู่ที่สุด และได้ดีลที่ดีที่สุด”
ความสำเร็จและศักยภาพของ ‘น่าอยู่’ ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการผสาน “Tech + Trust + Touch”อย่างลงตัว: เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Tech) ความไว้วางใจที่สร้างจากความโปร่งใส (Trust) และความเข้าใจในความต้องการของมนุษย์อย่างแท้จริง (Touch) การเดินทางของ “น่าอยู่” ยังคงดำเนินต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานทุกคน เรื่องราวของพวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไทยอีกมากมายที่ฝันจะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
รู้จัก ‘ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย’ ผู้ก่อตั้งบริษัทเอไอไทยแท้ Synapes และนายกฯ AIEAT
เมื่อโทรศัพท์ดังกลายเป็นภัย: ‘แมนวู จู’ กับภารกิจสร้างโลกการสื่อสารที่ไว้วางใจได้ของ Gogolook
‘สันติ โหลทอง’ กับบทบาทอีสปอร์ตไทยบนเวทีโลก
